เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563
ผ่านมากว่า 1 เดือนแล้วที่เราได้ยินชื่อ “ไวรัสโคโรนา” หรือไวรัสโรคปอดอักเสบ ที่มีการระบาดจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ตั้งแต่ปลายปี 2562 มาจนถึงปัจจุบัน โดยรายงาน ณ วันที่ 29 ม.ค. 63 เวลา 11.00 น. มีผู้ติดเชื้อจำนวนทั้งหมด 6,057 ราย เสียชีวิต 132 ราย และได้รับการรักษา 110 ราย ส่วนไทย มีรายงานผู้ติดเชื้อจำนวน 14 ราย ได้รับการรักษา 5 ราย แต่ยังไม่พบรายงานผู้เสียชีวิต
การระบาดของไวรัสโคโรนา ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก รวมไปถึง SET ด้วย ซึ่งนับตั้งแต่ไวรัสเริ่มระบาดและเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวันที่ 24 ม.ค. 63 พบว่า SET มีการปรับตัวลดลงราว 3.5% โดยปรับตัวลดลงจาก 1,569 จุด สู่ระดับ 1,513 จุดในวันที่ 28 ม.ค. 63 ที่ผ่านมา ถือเป็นจุดต่ำสุดของ SET นับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2560 หรือเกือบ 3 ปีเลยทีเดียว
ภายใต้การปรับตัวลงของ SET ถูกกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นหลายตัวในกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม การบิน สนามบิน และพลังงานที่เป็นน้ำมันปิโตรเลียม เนื่องจากผลกระทบของไวรัสโคโรนา ทำให้บรรยากาศภาพรวมของการลงทุนอยู่ในเชิงลบ และเป็นลบหนักมากต่อกลุ่มท่องเที่ยว-การบิน ได้แก่ AOT, AAV, BA, CENTEL, ERW และ MINT ตามด้วยน้ำมันปิโตรเลียมอย่าง PTT และ PTTEP
นอกจากนี้ จีนประกาศขยายเวลาวันหยุดในบางพื้นที่ ทำให้มีการปิดโรงงานหลายแห่ง ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นที่มีการส่งออกไปยังประเทศจีนอย่าง KCE ให้ปรับตัวลดลงมากถึง 14% ในวันเดียว ทั้งนี้ DELTA และ HANA ก็มีการปรับตัวลดลงตาม KCE ในขณะที่หุ้นกลุ่มอาหารอย่าง CPF ก็ได้รับผลกระทบทางอ้อมจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ทำให้ราคาหุ้น CPF ร่วงลงมาเช่นกัน
คำถามที่ตามมาคือ “จะลงทุนอย่างไรดี ในภาวะที่ตลาดหุ้นผันผวนจากการระบาดของไวรัสโคโรนา?” เพราะหุ้นก็ลงหนัก และเราคาดการณ์ไม่ได้ว่าการระบาดของไวรัสโคโรนาจะยุติลงเมื่อไร ทำให้ SET และราคาหุ้นหลายตัวมีโอกาสลงได้อีก...แต่สำหรับท่านที่ซื้อขาย Single Stock Futures ไม่ว่า SET จะร่วงหนักแค่ไหน ราคาหุ้นจะลงหนักเท่าไรก็ไม่ใช่อุปสรรคในการทำกำไร เพราะ ท่านสามารถเทรดฝั่ง Short ทำกำไรจากขาลงระยะสั้นได้ เป็นการพลิกวิกฤตจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ให้เป็นโอกาสในการทำกำไร
และบทความนี้ เราจะพูดถึง Single Stock Futures ที่น่าสนใจในภาวะที่ตลาดรับข่าวไวรัสโคโรนา จะมีหุ้นตัวใดบ้าง และหุ้นเหล่านี้อยู่ในใจของท่านหรือไม่ เรามาหาคำตอบไปพร้อมกันเลย
จะลงทุนอย่างไร ในภาวะการระบาดของไวรัสโคโรนา?
ก่อนอื่น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าในภาวะที่เกิดโรคระบาดขึ้น ย่อมส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทต่างๆ และขยายผลสู่ภาพรวมเศรษฐกิจให้ชะลอตัว โดยเราคาดว่าไวรัสโคโรนาจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้น และเรามีคำแนะนำการซื้อขาย Single Stock Futures ดังนี้
1. ภาพรวมการท่องเที่ยวแย่ลง เที่ยวบินมีแนวโน้มลดลง นักท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วนราว 30% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด และกระทบต่อรายได้ของกลุ่มการบินและการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ศูนย์การค้า
Single Stock Futures ที่ได้รับผลกระทบ AOT, AAV, BA, CENTEL, ERW และ MINT
คำแนะนำ: ในช่วงที่การระบาดหนักขึ้นและยังไม่มียารักษา เราแนะนำให้หาจังหวะเข้า Short หรือถือ Short จนกว่าการระบาดจะคลี่คลายหรือค้นพบวิธีการรักษาและการป้องกันไวรัส ที่ทำให้ Sentiment ต่อกลุ่มการบิน-การท่องเที่ยวกลับมาเป็นบวก และราคาหุ้นจะมีโอกาสฟื้นตัว
2. การบริโภคมีแนวโน้มชะลอตัวลง เป็นผลมาจากการท่องเที่ยวลดลง กดดันให้การจับจ่ายใช้สอยลดลง กระทบต่อรายได้ของหุ้นในกลุ่มพาณิชย์ ค้าปลีก
Single Stock Futures ที่ได้รับผลกระทบ CPALL และ BJC
คำแนะนำ: แม้ว่าจะถูกกดดันจากกิจกรรมการท่องเที่ยวลดลง แต่ก็เป็นเพียงผลกระทบทางอ้อม เราแนะนำให้ติดตามสถานการณ์ไวรัส พร้อมกับปัจจัยอื่น หากได้รับปัจจัยบวก ราคาหุ้นอาจปรับตัวดีขึ้น ในทางตรงข้าม หากมีปัจจัยลบเข้ามาเพิ่ม จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการปรับตัวลงได้อีก
3. ความต้องการใช้น้ำมันลดลง เป็นผลมาจากเที่ยวบินลดลง ส่งผลให้เกิด Sentiment ลบต่อธุรกิจจำหน่ายน้ำมันปิโตรเลียม
Single Stock Futures ที่ได้รับผลกระทบ PTT และ PTTEP
คำแนะนำ: เป็นผลกระทบทางอ้อมเช่นเดียวกับการบริโภค จึงแนะนำให้ติดตามสถานการณ์อื่นไปพร้อมกับไวรัสโคโรนา หากได้รับปัจจัยบวกหรือราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ราคาหุ้นก็มีโอกาสขึ้น ในทางตรงข้าม หากได้รับปัจจัยลบหรือราคาน้ำมันปรับตัวลง ราคาหุ้นก็มีโอกาสลง
4. จีนประกาศปิดโรงงานและเพิ่มวันหยุดบางพื้นที่ กระทบต่อกลุ่มที่มีการส่งออกให้กับจีน เนื่องจากสินค้าที่ผลิตออกมาไม่สามารถขายให้กับผู้ประกอบการหรือผู้ผลิตในจีนได้ เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องประกอบในจีน เมื่อโรงงานหยุดดำเนินการ ทำให้การขายสินค้าให้จีนหยุดชะงักจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เป็นต้น
Single Stock Futures ที่ได้รับผลกระทบ DELTA, HANA, KCE
คำแนะนำ: ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากการปิดโรงงานทำให้เกิด Sentiment เชิงลบระยะสั้น หากโรงงานจีนกลับมาเปิดดำเนินการตามปกติ หุ้นที่มีการส่งออกจะมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นมาได้ เนื่องจากค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มการส่งออก
5. ผู้ประกอบธุรกิจอาจลดขนาดการลงทุนหรือชะลอการขยายกิจการออกไปก่อน ทำให้กลุ่มธนาคารมีโอกาสปล่อยสินเชื่อน้อยลง ส่งผลให้รายได้จากดอกเบี้ยมีแนวโน้มชะลอตัวลง
Single Stock Futures ที่ได้รับผลกระทบ BBL, KBANK, SCB
คำแนะนำ: กลุ่มธนาคารมีแนวโน้มอ่อนตัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การซื้อขายในฝั่ง Short จึงได้เปรียบกว่าฝั่ง Long ทั้งนี้ กลุ่มธนาคารได้ประกาศผลประกอบการครบแล้ว บวกกับประเด็นไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบทางอ้อมต่อความต้องการสินเชื่อเพื่อธุรกิจให้ลดลง เราจึงมีคำแนะนำเทรดฝั่ง Short ในกลุ่มธนาคาร
ที่สำคัญ อย่าลืมที่จะวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิค แนวโน้มของราคาหุ้นว่ามีทิศทางอย่างไร บางครั้งราคาหุ้นลงรับข่าวมากเกินไป ก็มีโอกาสที่จะฟื้นตัวหรือรีบาวนด์กลับมา การซื้อขายในฝั่ง Short จึงมีความเสี่ยงในการโดน Stop Loss หากเข้าในจังหวะที่หุ้นลงมามากเกินไป ในทางตรงข้าม การซื้อขายในฝั่ง Long ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เนื่องจากเป็นการเล่นสวนเทรนด์ โอกาสทำกำไรจะยากกว่าและต้องลุ้นมากกว่า ดังนั้น การวิเคราะห์ภาพรวมทางเทคนิคจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากต้องการลงทุนใน Futures
สุดท้าย หากการระบาดของไวรัสโคโรนามีท่าทีจะยุติลง เราอาจเห็นการฟื้นกลับมาของตลาดหุ้นและราคาหุ้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ถ้าให้มุมมองเกี่ยวกับผลประกอบการปี 2563 ต้องบอกว่ามีโอกาสเห็นการลดลงของรายได้และกำไรสุทธิของบริษัท สิ่งที่ทำได้ คือเตรียมแผนลงทุนให้ดี มีการวางกลยุทธ์รับมือกับราคาหุ้นที่อาจปรับตัวขึ้นลงอยู่เสมอ เท่านี้ท่านก็จะสามารถลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Array ( [cooCAFXXSUAV] => cooCAFXXSUAV [Secure-PHPSESSID] => 02matktdp3ccgd2p0vngs2liaa )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732365639 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => 881d6aada798e9fb94f289b3339b698c [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/switcher.html?action=language&language=th&origin=https%3A%2F%2Fwww.caf.co.th%2Farticle%2Fturningoverthecoronaviruscrisis.html )
Array ( [content] => turningoverthecoronaviruscrisis )
Array ( )