เผยแพร่เมื่อ วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
สัปดาห์ที่ผ่านราคา Gold Spot ปรับขึ้นแตะระดับ $1,688 นับเป็นจุดสูงสุดในรอบ 7 ปี ทำให้นักลงทุนเกิดคำอะไรว่า แล้วแนวโน้มราคา Gold Spot ต่อจากนี้จะเป็นทิศทางอย่างไร เราจะตอบให้บทความนี้
มองว่าแนวโน้มราคาทองคำมีโอกาสเป็น Sideway Up เนื่องจาก ปัจจัยบวก 2 อย่าง
1.ไวรัสโควิด-19 ถึงจีนจะประกาศว่าสามารถควบคุมได้แล้ว แต่นานาประเทศเริ่มคุมไม่ได้ โดยประเทศที่น่ากลัวว่าจะคุมไวรัสโควิด-19 คือ เกาหลีในวันที่ 24 ก.พ. ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึง 833 ราย ซึ่งนับได้ว่าผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นรองแค่ประเทศจีนเท่านั้น และยังมีประเทศอย่าง ญี่ปุ่น ,และอิตาลี ที่มีประชากรติดไวรัสโควิด-19 เพิ่มมากขึ้นแบบผิดปกติ ทั้งนี้เราได้จัดทำกราฟการติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศญี่ปุ่น ,เกาหลีใต้ และอิตาลี ได้ข้อสรุปว่า แนวโน้มการแพร่ระบาดในประเทศเริ่มเข้าสู่ระยะที่ 3 คือ ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศและมีความเสี่ยงที่จะรุนแรงมากขึ้น
แล้วไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำอย่างไร ?
โดยนักวิเคราะห์จีนคาดการณ์ว่า มูลค่าความเสียหายในกรอบ 1 เดือน มากกว่า 3 แสนล้านหยวน หรือมากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หากเกิดการแพร่ระบาดมากกว่า 3 เดือน มูลค่าความเสียหายอาจมากถึง 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว เพราะจีนมีสัดส่วนถึง 19% ของ GDP โลก และการเศรษฐกิจของเศรษฐกิจโลกอาจทำให้ธนาคารกลางนานาประเทศกระตุ้นเศรษฐกิจโลก โดยใช้มาตรการการเงินอย่างการลดดอกเบี้ย และการทำ QE ซึ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น เป็นบวกต่อราคาทองคำนั่นเอง
2.สภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังถดถอย
รวมถึงอาจเกิดวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve เป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 3 เดือนดีดตัวเหนืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี
แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนไม่มีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯในระยะสั้นทำให้เทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 3 เดือน และเข้าซื้ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้น ทั้งนี้สภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังถดถอยทำให้นักลงทุนไม่เชื่อมั่นกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯในระยะสั้น ทำให้นักลงทุนเข้าถือสินทรัพย์อย่าง “ทองคำ” เพิ่มขึ้น
และปัจจัยลบเดียวที่มีตอนนี้คือ แนวโน้มทองคำล้นตลาด
หลังรายงานที่อินเดียระบุว่า อินเดียพบขุมทองขนาดใหญ่คาดว่ามีสินแร่ทองคำราว 3,000 ตัน ทำให้อินเดียอาจไม่ต้องนำเข้ามากเหมือนแต่ก่อน โดยก่อนหน้านี้อินเดียต้องนำเข้าทองคำเป็นจำนวนมาก เนื่องจาก ช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา อินเดียมีความต้องการทองคำเฉลี่ยปีละ 843 ตัน ทำให้แนวโน้มการนำเข้าทองคำในอนาคตอินเดียมีแนวโน้มลดลง และปัจจัยดังกล่าวจะสร้างปริมาณทองคำในตลาด อาจทำให้ทองคำล้นตลาดได้ ถือว่าเป็นความเสี่ยงต่อราคาทองคำในตอนนี้
จากประเด็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนต้องจับตารายงานของ World Gold Council ว่าแต่ละไตรมาสอินเดียจะผลิตทองคำเพิ่มขึ้นขนาดไหน จะได้ประเมินผลกระทบต่อราคาทองคำได้แม่นยำมากขึ้น
มองว่าแนวโน้มราคาทองคำครึ่งปี 2563 มีโอกาสเป็น Sideway Up
Array ( [Secure-PHPSESSID] => 5qets80ehr3pddgh9f82sq0egu [cooCAFXXSUAV] => cooCAFXXSUAV )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732331248 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => 3dac92edd9c93640fae2b4a28d8fafc7 [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/switcher.html?action=language&language=th&origin=https%3A%2F%2Fwww.caf.co.th%2Farticle%2Frisk-factors-for-gold-now.html )
Array ( [content] => risk-factors-for-gold-now )
Array ( )