เผยแพร่เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2564
โดยราคาทองคำในไตรมาส 1 ถึง 3 ของปี 2564 เรียกได้ว่าเป็นรถไฟที่ขึ้นสุดลงสุด เพราะมีราคาแพงสุดอยู่ที่ 1,958 เหรียญ และราคาถูกสุดแตะ 1,676 เหรียญ การที่ราคาทองคำวิ่งเป็นม้าได้ขนาดนี้ทำให้คำถามสำคัญว่าหลังจากนี้คือ ราคาทองคำมีโอกาสไปในทิศทางไหนระหว่างขึ้น ,ทรงตัว หรือปรับลง โดยเราจะพานักลงทุนมาวิเคราะห์ปัจจัยกระทบทองคำในไตรมาสสุดท้ายของปี 64 โดยปัจจัยที่จะชนกับทองคำคือ การระบาดโควิด-19 ,การปรับลด QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯและเพดานหนี้สหรัฐฯ
1.การระบาดของโควิด-19
นับเป็นประเด็นสำคัญที่สุดและจะส่งผลต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะนี้กำลังเกิดการระบาดของโควิด-19 กลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา และสายพันธุ์มิวพบว่าระบาดถึง 49 รัฐ ทั้งนี้รัฐของสหรัฐฯมีทั้งหมด 50 รัฐ โดยศูนย์การระบาดรอบนี้มาจาก ประชากรที่ยังไม่ฉีดวัคซีน และจำนวนประชากรที่ไม่ฉีดวัคซีนมีมากกว่า 123 ล้านราย นับเป็น 37% ของประชากรสหรัฐฯ
ซึ่งความน่ากลัวของสายพันธุ์มิวที่ WHO กังวลคือ ในการกลายพันธุ์ 50 ตำแหน่ง จากโควิด-19 สายพันธุ์อู่ฮั่น เท่ากับว่าเราเกือบไม่รู้ว่า สายพันธุ์มิว จะทำอะไรได้บ้าง แต่ตอนนี้เริ่มมีข้อมูลว่า ไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวมีการกลายพันธุ์ใน 50 ตำแหน่ง ทำให้มีความสามารถในการหลบหลีกภูมิต้านทานของร่างกายที่สร้างขึ้นหลังการฉีดวัคซีน หรือหลังการติดเชื้อโควิด-19 เท่ากับว่าการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 อาจช่วยป้องกันสายพันธุ์มิวได้ลดลง ซึ่งมีผลกระทบต่ออัตราการระบาดโควิด-19 กลับมาที่การระบาดในสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นและกินเวลานานขึ้นกดดันให้โกลด์แมน แซคส์ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯในปีนี้ เหลือขยายตัวเพียง 5.7% ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 6% เนื่องจากคาดว่าชาวอเมริกันมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายน้อยลง
หากมองที่มาตรการป้องกันโควิด-19 ของ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ออกมาประกาศใช้มาตรการใหม่ ให้พนักงานของรัฐ บริษัทขนาดใหญ่ และบุคลากรทางการแพทย์ ต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อควบคุมการระบาดของเชื้อกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา ได้แก่
1.กระทรวงแรงงาน กำหนดให้ธุรกิจที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไป จะต้องฉีดวัคซีนให้ครบ 2 โดส มิฉะนั้นจะต้องมีผลตรวจเชื้อเป็นลบมาแสดงทุกสัปดาห์ โดยบริษัทที่ไม่ให้ความร่วมมือ อาจถูกปรับเป็นจำนวน 14,000 ดอลลาร์สหรัฐ (4.6 แสนบาท) ต่อพนักงาน 1 คน
2.พนักงานของรัฐ โดยไบเดนกำหนดให้ทุกคนต้องฉีดวัคซีนภายใน 75 วัน มิฉะนั้นจะต้องถูกไล่ออก
3.บุคลากรด้านสาธารณสุขจำนวน 17 ล้านคน ที่ได้รับงบประมาณจากระบบประกันสุขภาพของรัฐ ก็มีการกำหนดให้ฉีดวัคซีนเช่นกัน
4.ยกเว้นการฉีดวัคซีนเฉพาะผู้ที่มีเหตุผลในด้านความเชื่อทางศาสนา และด้านสุขภาพ เช่น มีอาการแพ้วัคซีน ฯลฯ
หากแนวโน้มการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ลดลงตามมาตรการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นจะลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และเพิ่มการทำกิจกรรมในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯมากขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ นับเป็นสิ่งที่กดดันราคาทองคำ
2.แนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับลด QE 1.2 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือน รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ย
กล่าวได้ว่ากระแสการขึ้นดอกเบี้ย จุดติดจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯอย่างนายเจอโรม โพเวลล์ ส่งสัญญาณการเริ่มถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างการลดการซื้อคืนพันธบัตรภายในปีนี้ หลังเศรษฐกิจสหรัฐฯกลับมาฟื้นตัว รวมถึงตลาดแรงงานพื้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสหรัฐฯกำลังยุติมาตรการช่วยเหลือคนตกงานมากกว่า 7.5 ล้านคน โดยการยกเลิกมาตรการดังกล่าวจะช่วยทำให้การจ้างงานเพิ่มขึ้น ทั้งนี้แนวโน้มการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ชะลอตัวจะลดผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และไม่เป็นอุปสรรคต่อการลด QE
โดยแนวโน้มการลด QE มีโอกาสเกิดในการประชุม FOMC เดือน ก.ย. และ พ.ย. ส่งผลให้ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังจะลดลง นักลงทุนมีโอกาสปรับการลงทุนก่อนการประชุม FOMC กระทบต่อดอลลาร์ที่กำลังแข็งค่ามากขึ้น เป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำอย่างมาก และต่อการลด QE ทั้งนี้นักลงทุนจะต้องจับตาการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯต่อ โดยเงื่อนไขการขึ้นดอกเบี้ย คือ เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัว อัตราการว่างงานต่ำกว่า 3.5% ซึ่งเป็นระดับที่ก่อนเกิดโควิด-19 และสุดท้ายอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยแตะ 2%
3.เพดานหนี้สหรัฐฯ
โดยเพดานหนี้สหรัฐฯ กำลังจะถึงเส้นตายในสิ้นเดือน ต.ค. ซึ่งนางเจเน็ต เยลเลน รมว.การคลังกำลังเรียกร้องให้สภาคองเกรสแก้ไขปัญหาเพดานหนี้ของประเทศอีกครั้ง ทำให้นักลงทุนต้องติดตามประเด็นหนี้สหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เนื่องจาก US Government Shutdown อาจเกิดขึ้นพร้อมกับสถานการณ์ที่เกิดการระบาดโควิด-19 ในสหรัฐฯ นับเป็นความเสี่ยงจะกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ทั้งนี้นับจากประวัติศาสตร์ในปี 2019 เกิด US Government Shutdown ใช้เวลาถึง 35 วัน ทำให้บริษัทจัดอันดับปรับลดคาดการณ์สหรัฐฯลง และสร้างความเสียหายมากกว่า 3 พันล้านดอลาร์สหรัฐฯ อาจเป็นปัจจัยบวกต่อในช่วงปลายเดือน ต.ค. หากมีการผิดนัดชําระหนี้ จนเกิด US Government Shutdown
สรุปทองคำในไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 จะมีประเด็นกระทบตลาดทองคำ 3 อย่าง ได้แก่ 1.แนวโน้มการระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ มีโอกาสลดลง เนื่องจากมาตรการโควิด-19 โดยการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น ส่งให้เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวกดราคาทองคำ 2.แนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะปรับลด QE 1.2 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือน รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยนั้นหมายความว่า ปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังลดลงเรื่อยๆ ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งซึ่งมีความเสี่ยงเป็นทองคำ และ 3.เพดานหนี้สหรัฐฯเป็นที่ต้องลุ้นช่วงสิ้นเดือน ต.ค. นับเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงต่อราคาทองคำ
แนวโน้มราคาทองคำไตรมาสสุดท้ายของปี 2564
มีโอกาสเป็น Sideway Down กรอบ 1,680 -1,820 เหรียญ และทองคำแท่ง กรอบ 26,450-28,600 บาท
Array ( [cooCAFXXSUAV] => cooCAFXXSUAV [Secure-PHPSESSID] => sd2imto8oqebd95hqb7b52u2su )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732534949 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => 3eb1a30dd30d00d476ffe0d602b9546d [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/switcher.html?action=language&language=th&origin=https%3A%2F%2Fwww.caf.co.th%2Farticle%2Foverview-gold-3-2021.html )
Array ( [content] => overview-gold-3-2021 )
Array ( )