เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2563
หลังจากการประชุมกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC (ขออนุญาติคุณผู้อ่านเรียกว่ากลุ่ม OPEC+) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้สิ้นสุดลง พร้อมกับข้อตกลงลดกำลังการผลิตที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังรอคอย เนื่องจากการประชุมกลุ่ม OPEC+ เมื่อต้นเดือน มี.ค. เกิดการประกาศสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุฯและรัสเซีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงกว่า 30% ในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา คราวนี้เรามาดูข้อตกลงกันก่อนว่าเป็นอย่างไร
ลดกำลังการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นเวลา 2 เดือน (พ.ค. - มิ.ย. 63)
ลดกำลังการผลิต 8 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นเวลา 6 เดือน (ก.ค. – ธ.ค. 63)
ลดกำลังการผลิต 6 ล้านบาร์เรลต่อวัน เป็นเวลา 2 ปี (ม.ค. 64 – ธ.ค. 65)
การที่กลุ่ม OPEC+ ได้ข้อตกลงลดกำลังการผลิต ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อการปรับตัวของราคาน้ำมันตามกลไกของ Demand และ Supply แต่เมื่อมาดูราคาน้ำมันทั้ง WTI และ BRENT กลับพบว่าราคาน้ำมันทั้ง 2 ตลาดยังปรับตัวลงต่อ...ทำไมราคาน้ำมันยังปรับตัวลง? แล้วหุ้นกลุ่มน้ำมันในบ้านเราจะเป็นอย่างไร? และที่สำคัญ ถ้าท่านจะเทรด Single Stock Futures กลุ่มน้ำมันควร Long หรือ Short ดีกว่ากัน? ไปพบคำตอบได้ในบทความนี้กันเลย
3 สาเหตุสำคัญ กดดันราคาน้ำมันลงไม่หยุด
1.ซาอุฯลดราคาขายน้ำมันแก่คู่ค้า นับตั้งแต่การประชุม OPEC+ ในเดือน มี.ค. ผลสรุปคือซาอุฯและรัสเซียซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตน้ำมันรองจากสหรัฐฯ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตได้ นอกจากนี้ ซาอุฯยังเพิ่มความรุนแรงของสงครามการค้าด้วยการลดราคาขายให้กับคู่ค้าในเอเชียราวๆ 4-6 ดอลลาร์สหรัฐฯ กดดันให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงมาอีก และนี่คือสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงของการประชุม OPEC+ ทำให้เรามีโอกาสเห็นซาอุฯลดราคาขายน้ำมันให้คู่ค้า เพื่อให้ผู้ซื้อรายอื่นหันมาซื้อน้ำมันของซาอุฯเอง
2.โควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันลดลง โดย IEA หรือสำนักงานพลังงานสากลออกมาเตือนว่า การใช้น้ำมันทั่วโลกมีโอกาสลดลงในปี 63 โดยเฉลี่ย 9.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน และมองว่าการลดกำลังการผลิตดังกล่าวไม่เพียงพอต่อการพยุงราคาน้ำมัน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนักในหลายประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆต้องหยุดชะงัก และทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลงนั่นเอง เมื่อปริมาณการผลิตมากกว่าความต้องการใช้น้ำมัน อาจทำให้น้ำมันเข้าสู่สภาวะ Oversupply และทำให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
3.Sentiment ของนักลงทุนอยู่ในเชิงลบ หากสังเกตความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้น 3 เดือนที่ผ่านมา ในช่วงแรกๆที่ยังไม่มีการระบาดของโควิด-19 ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการเคลื่อนไหวไปในแนวโน้ม sideway down ตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง มีการซื้อขายสลับกันไปและเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ
แต่หลังจากการระบาดของโควิด-19 ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงขึ้นในฝั่งขาลง ความผันผวนพุ่งสูงขึ้นสังเกตได้จากดัชนีวัดความผันผวน เช่น S&P500 VIX ที่ใช้วัดความผันผวนของดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นระดับใกล้เคียงกับวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เมื่อปี 2008 เป็นการส่งสัญญาณว่านักลงทุนพร้อมที่จะขายสินทรัพย์เสี่ยงที่อยู่ในมือ และถือเงินสดเพิ่มขึ้นหรือย้ายเงินสดเข้าไปถือสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า ก่อให้เกิด Sentiment ลบต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างน้ำมันด้วย
สรุป การที่ราคาน้ำมันลดลง เกิดจากนักลงทุนที่มองว่าการลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ ไม่ได้ช่วยพยุงราคาน้ำมัน เนื่องจากปัจจัยด้าน Supply ที่มีปริมาณมากอยู่แล้ว ประกอบกับ Demand ที่มีแนวโน้มลดลงจากการระบาดของโรคโควิด-19 จึงทำให้น้ำมันมีความเสี่ยงเกิดภาวะ Oversupply (ปริมาณการผลิตมากกว่าความต้องการซื้อ) ซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงนั่นเอง
ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นกลุ่มน้ำมันอย่างไร?
เราขอยกตัวอย่างหุ้นกลุ่มน้ำมันชั้นนำของ SET อย่าง PTT และ PTTEP จากการวิเคราะห์พบว่า มีแนวโน้มปรับตัวลดลงตามแนวโน้มราคาน้ำมัน เนื่องจากราคาหุ้น 2 ตัวนี้มีความสัมพันธ์ทิศทางเดียวกันกับราคาน้ำมัน โดยเฉพาะ PTTEP ที่มีค่าสหสัมพันธ์กับราคาน้ำมันดิบราว 80-90% (ราคาน้ำมันเคลื่อนไหว 1% จะส่งผลต่อราคาหุ้น 0.8-0.9%) ส่วน PTT ได้รับผลกระทบด้านส่วนแบ่งการรับรู้รายได้จาก PTTEP ที่ลดลงเมื่อราคาน้ำมันลดลง
อยากทำกำไร Single Stock Futures กลุ่มน้ำมัน...Long หรือ Short ดีกว่ากัน?
ต่อไป เราจะวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคของหุ้น PTT และ PTTEP แล้วมาดูกันว่าถ้าอยากทำกำไร Single Stock Futures ควรเทรดฝั่ง Long หรือ Short ต้องกำหนดจุดเข้า เป้าหมาย และจุด Stop Loss อย่างไร
หากคาดว่าราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อ แน่นอนว่าการเทรดในฝั่ง Short ได้เปรียบกว่าฝั่ง Long เนื่องจากราคาหุ้น PTT และ PTTEP มีการเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับราคาน้ำมัน
มาเริ่มกันที่ PTT ทางด้านซ้ายกันก่อน...PTT มีการแกว่งตัวในกรอบ 31.50 - 37.50 บาท ณ ราคาปัจจุบัน 34.50 บาท สามารถเปิด Short ได้แถวๆ 34-35 บาท กำหนดจุด Stop Loss ที่ 37.50 บาท และเป้าหมายทำกำไรที่ 31-32 บาท
ส่วน PTTEP น่าสนใจมาก เนื่องจากราคามีการหลุดโซน 80 บาทลงมา มีแนวรับใกล้ที่สุด 70 บาท และ 65 บาทตามลำดับ สามารถเปิด Short บริเวณ 75-76 บาท โดยกำหนดจุด Stop Loss ที่ 80 บาท และเป้าหมายทำกำไรที่ 70 และ 65 บาท
หมายเหตุ: ราคาหุ้น ณ วันที่ 16 เม.ย. 63
Array ( [cooCAFXXSUAV] => cooCAFXXSUAV [Secure-PHPSESSID] => 58hs142m2mikgsvr6q9rpj852t )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732351415 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => 231e0d01c319836f4dc637033987ca68 [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/switcher.html?action=language&language=th&origin=https%3A%2F%2Fwww.caf.co.th%2Farticle%2Foil-stocks-all-round-pressures.html )
Array ( [content] => oil-stocks-all-round-pressures )
Array ( )