เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2562
ท่ามกลางความผันผวนรุนแรงของตลาดหุ้นไทย จากหลากหลายประเด็นสำคัญ อาทิเช่น สงครามการค้า นโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก การปรับตัวลงของราคาน้ำมัน เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกมีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวในอนาคต ทำให้บริษัทต่างๆได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง โดยผลกระทบที่แต่ละบริษัทได้รับก็แตกต่างกันไปตามลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัท บ้างก็ได้รับผลเชิงบวก บ้างก็ได้รับผลเชิงลบ และสะท้อนไปยังผลประกอบการของบริษัท ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน เมื่อนักลงทุนมีการซื้อ-ขายรับข่าวผลประกอบการหรือปัจจัยต่างๆแล้ว ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มของราคาหุ้นในที่สุด
วันนี้เราจะยกตัวอย่างหุ้นอ้างอิงใน Single Stock Futures ตัวนึง ที่ได้รับผลกระทบ และราคามีการปรับตัวร่วงลงอย่างต่อเนื่อง นั่นก็คือ IVL หรือ บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส ซึ่งถ้าเรามองกลับไปต้นปี 2562 ราคาหุ้น IVL มีการปรับตัวลงมามากกว่า 40% (ราคาปิดปี 2561 อยู่ที่ 54.25 บาท ปัจจุบันปิดที่ 30.50 บาท) จึงเกิดคำถามสำคัญว่า…เมื่อราคาหุ้น IVL ลงมามากกว่า 40% เราควรลงทุนในขา Long หรือขา Short ดี…แต่ก่อนที่จะไปในส่วนของกลยุทธ์ เรามาทำความรู้จัก IVL กันคร่าวๆก่อน
ลักษณะธุรกิจของ IVL
– IVL หรือ อินโดรามา เวนเจอร์ส เป็นบริษัทในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (Industry) และอยู่ในหมวดธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (PETRO)
– ทำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายเคมีภัณฑ์ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในโลกรายหนึ่ง มีโรงงานสำหรับการผลิตมากถึง 101 แห่งใน 31 ประเทศ
– เคมีภัณฑ์ที่ผลิตและจำหน่ายสามารถนำไปแปรรูปเป็นสิ่งของที่ใช้ในการอุปโภค-บริโภคในชีวิตประจำวัน เช่น ขวดน้ำพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้ เส้นใยหรือเส้นด้ายที่ใช้ในการทำเสื้อผ้า และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีอื่นๆอีกมากมาย
ผลประกอบการ Q2/62 เป็นอย่างไร
ในส่วนของผลประกอบการ Q2/62 ที่ผ่านมา IVL มีปริมาณการผลิตในกลุ่มธุรกิจโดยรวมเพิ่มขึ้น 24% จากการที่ธุรกิจ Integrated PET และธุรกิจ Fibers พ่วงด้วยธุรกิจ Packaging ที่เติบโตโดดเด่น เนื่องจากความต้องการใช้ขวดน้ำดื่มรีไซเคิลที่เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจ Integrated Oxides and Derivatives มีปริมาณการผลิตลดลงเนื่องจากมีการปิดโรงงานและส่งผลให้กำลังการผลิตหายไปเป็นเวลา 1 เดือน
รายได้จากการขายรวมทุกธุรกิจอยู่ที่ 94,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบแบบ YoY และลดลงเล็กน้อย 1% เมื่อเทียบแบบ QoQ โดยมีธุรกิจ Integrated PET ธุรกิจ Fibers และธุรกิจ Packaging เป็นตัวชูโรงและผลักดันให้รายได้เติบโตขึ้น
IVL มีกำไรสุทธิใน Q2 อยู่ที่ 2,267 ล้านบาท ลดลงจาก Q2/61 ที่ 8,242 ล้านบาท หรือ -72% YoY และลดลงจาก Q1/62 จำนวน 3,707 ล้านบาท หรือ -38% QoQ สาเหตุที่กำไรสุทธิลดลงมาก ทั้งที่มีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นเพราะ IVL มีการขาดทุนจากสินค้าคงเหลือเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรามองว่าเป็นผลกระทบทางบัญชี เนื่องจากสินค้าคงเหลือเหล่านั้นเป็นวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิตและการดำเนินงาน
มาถึงตรงนี้หลายท่านคงคิดว่า เรากำลังแนะนำท่านให้เล่น Single Stock Futures ของ IVL ในฝั่ง Long รึเปล่า เพราะจริงๆแล้วบริษัทยังมีกำไร และรายได้จากการขายยังเติบโต…ช้าก่อน เราไปดูปัจจัยที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาและนักลงทุนต้องติดตามกันก่อน
ปัจจัยที่ต้องติดตามหากต้องการลงทุนใน IVL
สำหรับท่านที่สนใจลงทุนใน Single Stock Futures ของ IVL ปัจจัยหลัก 3 ข้อที่ท่านต้องติดตามอย่างใกล้ชิด มีดังต่อไปนี้
มุมมองของเราและแนวโน้มทางเทคนิค
ราคามีการปรับตัวลงตั้งแต่ต้นปี 2562 โดยราคาปิดปี 2561 อยู่ที่ 54.25 บาท ในความเป็นจริง ราคาเริ่มฟอร์มตัวเป็นขาลงตั้งแต่ ตุลาคม 2561 และคอนเฟิร์มขาลงอย่างเต็มตัวตั้งแต่ มกราคม 2562 จากการที่ราคาไม่ทำ New High แถมด้วย New Low ในรอบ 1 ปี
หลังจากนั้น ราคาหุ้น IVL ก็ปรับตัวลงและทำ New Low อย่างต่อเนื่อง จนวันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ IVL ทำ New Low ในรอบกว่า 2 ปี ชนิดที่เรียกว่าแนวรับเท่าไรก็ไม่พอและปิดที่ราคา 30.50 บาท คำถามต่อมาคือ…เรามีมุมมองยังไงต่อราคาหุ้น IVL
ภาพทางเทคนิคในการปรับตัวลงแบบเปิด Gap ลักษณะนี้ เท่ากับว่าบริเวณ 36 และ 33 บาทที่เคยเป็นแนวรับสำคัญกลับกลายมาเป็นแนวต้านสำคัญแทน ประกอบกับปัจจัยกดดันต่อ IVL ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าที่ยืดเยื้อและส่งผลให้เกิดแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในอุตสาหกรรมการผลิตลดลง เราจึงมีมุมมองในเชิงลบต่อ IVL
ด้านกลยุทธ์การซื้อขาย Single Stock Futures ของ IVL เราแบ่งกลยุทธ์ออกเป็น 2 ฝั่งเพื่อประกอบตัดสินใจของนักลงทุนตามความถนัดของท่าน ดังต่อไปนี้
ถนัด LONG – โดยปกติ เมื่อราคาหุ้นลงต่ำมากๆและเข้าสู่ภาวะ Oversold ใน RSI มักมีการรีบาวนด์ ทั้งนี้ต้องดูแนวรับ-แนวต้านประกอบด้วย เพราะการ Long IVL นั้น ถือว่ามีความเสี่ยง เนื่องจากเป็นการสวนเทรนด์หรือแนวโน้มขาลง และคุณจะ Long ได้ก็ต่อเมื่อถึงจุดรีบาวนด์ที่ชัดเจน และทำกำไรระยะสั้นเท่านั้น เช่น แนวรับสำคัญ 30 บาทและ 27 บาท คุณเปิด Long เพื่อมาทำกำไรที่แนวต้าน 33 บาท หรือ 36 บาท และแน่นอนว่าคุณจำเป็นจะต้องเฝ้าสถานะ Long IVL ของคุณไว้ให้ดีๆ เพราะราคาอาจจะกลับตัวลงอีกครั้งตอนไหนก็ได้
ถนัด SHORT – ตามความเป็นจริงแล้ว แม้กระทั่งฝั่ง Short ก็มีความเสี่ยง หากคุณเปิดสถานะ Short ในบริเวณที่เกิด Oversold ลึกมากๆ บางครั้งราคาหุ้นอาจรีบาวนด์จนถูก Stop Loss ที่คุณตั้งไว้ แล้วก็อาจจะลงต่อทำให้คุณพลาดกำไรฝั่ง Short ไป…คนที่ถนัดเล่นฝั่ง Short ก็ควรที่จะวางแผนเข้า Short หลังจากรีบาวนด์มาจนถึงแนวต้านที่ปลอดภัยพอสมควร เช่น แนวต้าน 35-36 บาทจะมี Stop Loss ใกล้ๆที่ 38 บาท เป็นต้น
โดยสรุปก็คือ ทั้งฝั่ง Long และฝั่ง Short ก็ต้องรอจังหวะเข้าตามภาพทางเทคนิคนั่นเอง และที่สำคัญกว่าภาพทางเทคนิค ก็คือ ผลประกอบการและปัจจัยที่ต้องติดตาม หากมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุนธุรกิจของ IVL เมื่อไร เราจะอัพเดทมุมมองและกลยุทธ์การลงทุนใน Single Stock Futures ของ IVL ทันที
Array ( [Secure-PHPSESSID] => 2d42pg7cafq5c4e7hqge8e390c [cooCAFXXSUAV] => cooCAFXXSUAV )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732285079 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => d1cf9d545064d85df5c0c453e15830c9 [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/switcher.html?action=language&language=th&origin=https%3A%2F%2Fwww.caf.co.th%2Farticle%2Fivl-new-low.html )
Array ( [content] => ivl-new-low )
Array ( )