กระแสเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเกิดได้อย่างไร

---

เผยแพร่เมื่อ วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

---

เริ่มมีกระแสว่า “เศรษฐกิจโลก”จะชะลอตัวทั้งที่ธนาคารกลางสหรัฐฯก็ออกมาประกาศชัดแล้วว่า ไม่มีการขึ้นดอกเบี้ยอีกนาน แต่อย่าลืมไปนะครับ เหตุผลที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯขึ้นดอกเบี้ยดอกเบี้ยไม่ได้ เพราะความเสี่ยงที่เกิดขึ้นตอนนี้อย่างสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน หนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นของประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐฯและยูโร รวมถึงจีน  และสุดท้ายสงครามนิวเคลียร์ครั้งใหม่โดย 3 ปัจจัยที่กล่าวจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัวได้อย่างไร

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน เกิดขึ้นโดยทรัมป์หาทางลด 2 อย่าง

1.ลดการขาดดุลสหรัฐฯและบีบให้จีนเปิดทางให้เอกชนสหรัฐฯเข้าสู่ตลาดจีนได้อย่างเท่าเทียมเพราะการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนมีมูลค่ามากกว่า 5.78 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หากนับส่วนที่จีนส่งสินค้าไปสหรัฐฯมีมูลค่ามากแตะระดับ 4.62 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 80% ของมูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ขณะที่ส่งสหรัฐฯส่งไปจีนเพียง 1.15 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 20%

2.ป้องกันไม่ให้จีนเป็นนำผู้ทางเศรษฐกิจโดยบีบจีนให้ลดการละเมิดทรัพย์ทางปัญญาสหรัฐฯ เพื่อทำให้สหรัฐฯเป็นผู้นำสหรัฐฯต่อไปอีกอย่างน้อย 10 ปี

ผลกระทบจากสงครามการค้าทำให้บริษัทเอกชนของสหรัฐฯและจีนมีกำไรลดลง อาจถึงขั้นขาดทุน เพราะราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น หลังการขึ้นภาษีจากทางสหรัฐฯ ทำให้บริษัทต่างๆมียอดขายสินค้าลดลง หากเกิดสงครามการค้าต่อไปเรื่อยมีโอกาสได้เห็น ตั้งแต่การลดพนักงาน หรือการปิดกิจการ และสิ่งที่จะตามมาคือ ภาวะเงินฝืดที่นำไปสู่ การตกงานและอัตราว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น

ตอนนี้ผลพวงจากการขึ้นภาษีสินค้าจากจีนมีมูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้จีนได้รับผลกระทบ 12% และสหรัฐฯได้รับผลกระทบเพียง 6% หากในวันที่ 2 มี.ค. สหรัฐฯและจีนไม่ยังสามารถเจรจากันลงตัว สหรัฐฯประกาศว่าจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดย Timeline ของเจรจาการค้าจะเกิดขึ้นในวันที่ 14-15 ก.พ. สหรัฐฯเดินทางไปจีน

ทั้งนี้การที่จีนได้รับผลกระทบทำให้ญี่ปุ่นโดนไปด้วย เนื่องจากบริษัทชั้นนำในญี่ปุ่นที่มีฐานการผลิตในจีนปรับลดประมาณการผลประกอบการนำโดย

1.คาวาซากิ อินดัสตรีย์ ปรับประมาณการยอดขายลงราว 230 ล้านดอลลาร์

2.ฟูจิ อิเล็คทริก ผู้ผลิตเครื่องใช้สำนักงานและเครื่องไฟฟ้า ปรับประมาณการยอดขายลงราว 46 ล้านดอลลาร์

3.ฟานุกผู้ผลิตหุ่นยนต์สำหรับอุตสาหกรรม ตัดลดประมาณการผลกำไรลงราว 28 ล้านดอลลาร์

โดยทั้ง 3 บริษัทให้เหตุผลในการลดประมาณการยอดขายเนื่องจากคำสั่งซื้อของจีนลดลง

เราจะเห็นว่าสงครามการค้าที่เกิดขึ้นทำให้ผู้นำทางเศรษฐกิจอันดับ 1 ถึง 3 เกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ จึงทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวตามไปด้วยนั่นเอง

หนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นของ 10 ประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจ

	GDP (Nominal) (billions of $)	Debt as % of GDP
1.United States	20,412.87	108.12%
2.China	14,092.51	46.43%
3.Japan	5,167.05	253.28%
4.Germany	4,211.64	62.35%
5.United Kingdom	2,936.29	85.64%
6.France	2,925.10	101.39%
7.India	2,848.23	46.65%
8.Italy	2,181.97	142.06%
9.Brazil	2,138.92	82.23%
10.Canada	1,798.51	61.03%

โดยประเทศที่มีหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นจะมีสหรัฐฯ ,ญี่ปุ่น ,ฝรั่งเศส และอิตาลี ซึ่งถือว่าประเทศที่มีหนี้เยอะกว่า GDP ซึ่งจะทำให้รัฐบาลลงทุนได้น้อยลง ต้องใช้หนี้มากขึ้น กระทบต่อ GDP ของประเทศ (GDP = การบริโภค(C)+การลงทุนภาคเอกชน(I)+การลงทุนภาครัฐ(G)+การส่งออก(X)-การนำเข้า(N)) เนื่องจากการลงทุนภาครัฐ(G)ลดลงเป็นผลลบต่อ GDP ของประเทศ

สงครามนิวเคลียร์ครั้งใหม่

หลังจากทรัมป์ประกาศพาสหรัฐฯถอนตัวออกจากสนธิสัญญาขุมกำลังนิวเคลียร์พิสัยกลางที่ทำให้ไว้กับรัสเซียตั้งแต่ยุคสงครามเย็น (ปี 1987) ซึ่งสหรัฐฯให้เหตุผลว่ารัสเซียละเมิดข้อตกลงด้วยการแอบพัฒนาและทดสอบระบบขีปนาวุธต้องห้าม ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตอนนี้ เพราะจะเกิดการแข่งขันสะสมอาวุธนิวเคลียร์(nuclear arms race) ครั้งใหม่ของโลกในศตวรรษที่ 21 ทำให้นักลงทุนไม่กล้าลงทุนกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศต่างๆและส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกในที่สุด

สรุปประเด็นที่ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวคือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น และสงครามนิวเคลียร์ครั้งใหม่ ซึ่งการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจะตามมาด้วยการลงทุนในตลาดหุ้นลดลง และเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง ทองคำเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ตลาดหุ้นมีแนวโน้มลดลง ถือเป็นโอกาสดีที่จะลงทุนในตลาด TFEX เพราะสามารถลงทุนขาลงได้