เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
นับว่าปี 2563 เป็นปีของสินทรัพย์ที่ชื่อ “ทองคำ” เนื่องจากราคาทองคำ (Gold Spot) ตอนนี้อยู่ที่ระดับที่แพงสุดในรอบ 8 ปี (13 ก.ค. 2563 ราคา Gold Spot อยู่ที่ 1,802 เหรียญ) ซึ่งปัจจัยที่ส่งให้ราคาทองคำปรับขึ้น คือ วิกฤตการระบาดของโควิด-19 โดยวิกฤตนี้สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจโลก และกระทบต่อการค้าโลกอย่างมาก
กลับมาที่สินทรัพย์ที่ชื่อทองคำในครึ่งปีแรกปรับขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์
หลังจากนักลงทุนทุกท่านได้ทราบกันแล้วว่า ครึ่งปีแรกราคาทองคำปรับขึ้นได้แรงมาก แต่หลังจากนี้ตังหากที่สำคัญ โดยเราจะคาดการณ์ปัจจัยที่จะส่งผลต่อทองคำในครึ่งปีหลัง
1.แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านมุมมองของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาซานฟรานซิสโก คาดการณ์ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เร็วสุดอาจใช้เวลา 4 – 5 ปี ซึ่งต้องมีมาตรการที่ช่วยการจ้างงานให้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาซานฟรานซิสโก ยอมรับว่า สหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่เดือน ก.พ.และ มองว่า สิ่งที่กำหนดความเร็วในการฟื้นตัว ขึ้นอยู่เป็นการระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ โดยมองว่ามีความเสี่ยงที่จะคุมไม่อยู่ เพราะประโยคเดียวเลย คือ “เพราะเป็นสหรัฐฯ” อธิบายได้ว่า สหรัฐฯเป็นประเทศที่สนใจกับสิทธิในความเป็นส่วนตัวมาก ที่เห็นคือ ไม่สามารถห้ามอะไรได้ ทำให้การคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นเรื่องยากมากๆ ซึ่งตอนนี้(13 ก.ค. 63 ) สหรัฐฯมีจำนวนผู้ติดโควิด-19 มากถึง 3 ล้านราย แน่นอนว่าการระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯที่กำลังเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้น และเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ
2.ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งส่งผลต่อราคาทองคำในประเทศ
มองมีแนวโน้มอ่อนค่าเนื่องจาก 2563 เศรษฐกิจไทยโดนผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดการระบาดทั่วโลก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยพึ่งการส่งออก และการท่องเที่ยวจากต่างชาติมากเกินไป ทำให้ในปัจจุบันการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อคู่ค้าของไทยอย่างมาก และไทยยังขาดรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติอีก คำถามคือ เศรษฐกิจไทยจะฟื้นเมื่อไหร่
เราขอตอบโดยบทความของ World Bank ที่มองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวอาจใช้เวลา 2 ปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากการส่งออกและการท่องเที่ยว อย่างมากทำให้คนตกงานกระจายไปทั่ว และกระทบต่อครัวเรือนชนชั้นกลาง และครัวเรือนที่ยากจน โดยธนาคารโลกประมาณการว่า กว่า 8.3 ล้านคน จะตกงานหรือสูญเสียรายได้จากวิกฤติโควิด-19
ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยตอนนี้ยังมีความเสี่ยงอีก 3 อย่าง
- หากการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลับมาระบาดทั่วโลกอีกครั้ว จนต้องปิดประเทศอาจทำให้เศรษฐกิจไทยหดตัวมากกว่านี้
- แนวโน้มสถานการณ์ของสงครามทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
- NPL ของภาคธนาคาร
ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มหดตัวทำให้นักลงทุนต่างชาติอาจไม่ได้มองไทยเป็นแหล่งที่น่าลงทุน และมีแนวโน้มที่เม็ดเงินของต่างชาติจะไหลออก ทำให้ค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า มีโอกาสส่งให้ราคาทองในประเทศแพงยิ่งขึ้น
3.ยารักษาโควิด-19
ในตอนนี้แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกแข่งขันกันพัฒนาและค้นคว้ายาต้านไวรัสรักษาไวรัสโควิด-19 ท่ามกลางการแพร่ระบาดที่ทำให้มีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 12.9 ล้านคนทั่วโลก ถึงแม้ว่า ปัจจุบันจะมียาที่ได้รับอนุมัติแล้ว ซึ่งเป็นยาที่ออกฤทธิ์ยับหยั้งต่อโรคระบบทางเดินหายใจ แต่แพทย์และนักวิทยาศาสตร์ก็ยังมีความมุ่งมั่นต่อการพัฒนาวัคซีนเพื่อรักษาไวรัสโควิด-19 คาดการณ์ว่ากว่าได้ยารักษาหรือยาต้านจะใช้เวลาอย่างน้อยกลางปี 2564 ทำให้นักลงทุนทองคำยังไม่ต้องกลัวกับประเด็นดังกล่าว
สรุป ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำในครึ่งปีหลัง คือ แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯและค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเรามอง Gold Spot อยู่ในแนวโน้ม Sideway Up กรอบ $1,720 -$1,900 และแนวโน้มทองคำแท่งเป็น Sideway Up กรอบ 25,000 – 27,500 บาท
Array ( [Secure-PHPSESSID] => akp3mptiv8ohljst28k5dspvcl [cooCAFXXSUAV] => cooCAFXXSUAV )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732353461 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => b977d7de09e96d591777e6abb87a040a [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/switcher.html?action=language&language=th&origin=https%3A%2F%2Fwww.caf.co.th%2Farticle%2Fcentral-gold-price.html )
Array ( [content] => central-gold-price )
Array ( )