เผยแพร่เมื่อ วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2565
GDP จีนโต 3.9% สูงกว่าที่คาดไว้ 3.4% ใน 3 ไตรมาสล่าสุด
ตัวเลขอัตราการเติบโต GDP ของจีนเพิ่มขึ้น 3.9% สูงกว่าที่คาดไว้ 3.4% ใน 3 ไตรมาสล่าสุด เทียบกับปีที่แล้ว แต่อัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น year-to-date 3% ก็ยังต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 5.5% เทียบกับปีที่แล้วและล่าสุดจีนยังไม่ได้ส่งสัญญาณว่านโยบายโควิดจะจบลงเร็วๆนี้
อัตราการว่างงานในเมืองเพิ่มขึ้นเป็น 5.5% ในเดือนกันยายน ในกลุ่มคนอายุ 16 ถึง 24 ปียังคงสูงขึ้นที่ 17.9% สำหรับสามไตรมาสแรกรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้รายได้แตกต่างกันอย่างมากตามขนาดเมืองและที่ตั้ง
การส่งออกของจีนเติบโต 5.7% ในเดือนกันยายน มากกว่าที่คาดหวังไว้ที่ 4.1% อย่างไรก็ตามการนำเขาเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ต่ำกว่าคาดที่ 1%
ยอดค้าปลีกในเดือนกันยายนเติบโตที่ 2.5% ต่ำกว่าคาดการไว้ที่ 3.3% โดยเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ในบ้าน และวัสดุก่อสร้างลดลง 1.7%
การผลิตภาคอุสาหกรรมเติบโต 6.3% ในเดือนกันยายน สูงกว่าคาดที่ 4.5% โดยมีการเพิ่มขึ้นของการผลิตรถยนต์ 24% มาจากการผลิตรถ EV ที่สูงขึ้น 2เท่าจากปีก่อน
การลงทุนในอสังหา ลดลง 8% ซึ่งมากกว่า 7.4% ในปีที่แล้ว
การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเติบโต 8.6% YoY และสูงกว่า 8.3% ในเดือนสิงหาคม
โดยรวม ตัวเลขต่างๆได้สะท้อนผลกระทบจากภาวะโควิด และอสังหาฯที่ตกต่ำ ขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงน่าสนใจภายใต้การเติบโตของรถ EV จากยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 14.2% ในเดือนกันยายนจากปีที่แล้ว
**ตัวเลขการคาดการณ์มาจาก Reuters
Goldman Sachs คาดดอลลาร์อาจใกล้จุดสูงสุด
Goldman Sachs มองว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอาจเข้าใกล้จุดสูงสุดมากกว่าที่ตลาดคาด แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นและธนาคารกลางสหรัฐยังขึ้นดอกเบี้ย
โดยการแข็งค่าที่ผ่านมาของดอลลาร์ เนื่องจากยูโร เยนและหยวนที่อ่อน จากการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯถึง 3% เพื่อกดอัตราเงินเฟ้อ
สัญญาณที่บอกว่าทิศทางของค่าเงินดอลลาร์ Goldman Sachs อาจถึงจุดสูงสุดเพราะการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกถึงจุดต่ำสุด
ทั้งนี้เรามองว่ามีโอกาสที่นักลงทุนจะเริ่มเทขายดอลลาร์และซื้อสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่ม แต่ต้องรอให้จบการประชุม FOMC ที่ FED อาจขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.75% ในวันที่ 2 พ.ย.ถึงมีโอกาสกดค่าเงินดอลลาร์อ่อน และส่งราคาทองคำบวก มีโอกาสที่ EUR/USD ปรับขึ้น ส่วน USD/JPY มีโอกาสปรับลง
#CAF #ClassicAusiris #FXFutures #EUR #JPY #TFEX
SCGP รายได้โตมาก แต่กำไรโตนิดเดียว
9 เดือนที่ผ่านมา SCGP มีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 26% โดย EBITDA เพิ่มขึ้น 1% มี EBITDA margin 14% กำไรสุทธิลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิ 5% ส่วนในไตรมาสที่ 3 SCGP มีรายได้เพิ่มขึ้น 19% โดย EBITDA เพิ่มขึ้น 12% มี EBITDA margin 14% กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิ 5% โดยปัจจัยหลักมาจากการขยายกำลังการผลิตและการขยายธุรกิจจากการควบรวมกิจการ รวมทั้งการปรับราคาให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
ภาพรวมของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในช่วงไตรมาสที่ 3 ความต้องการในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มในอาเชียนปรับตัวดีขึ้น รวมถึงภาคธุรกิจส่งออกในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋อง และอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง แต่ในส่วนของสินค้าฟุ่มเฟือย ปรับตัวลดลง เช่น เสื้อผ้า สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เป็นผลมาจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ประกอบกับสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศจีนยังไม่ฟื้นดี รวมถึงต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น
Array ( [Secure-PHPSESSID] => 1lsijmvkqs3g0ojvjcnbirq7a4 [cooCAFXXSUAV] => cooCAFXXSUAV )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732422611 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => 0631566762b7bedd4cbbff48bea27f3c [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/switcher.html?action=language&language=th&origin=https%3A%2F%2Fwww.caf.co.th%2Farticle%2Fcaf-update-25-10-65.html )
Array ( [content] => caf-update-25-10-65 )
Array ( )