เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2565
สัญญาณจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯเกี่ยวกับดอกเบี้ย
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐว่า ความมุ่งมั่นของเฟดในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีนั้น "ไม่มีเงื่อนไข" แต่ก็จะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่การว่างงานจะเพิ่มสูงขึ้น มองว่าที่ต้องส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย เพราะเงินเฟ้อพุ่งขึ้นมากกว่า 3 เท่าจากเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
นายเจอโรม พาวเวลกล่าวว่า "เราจำเป็นต้องฟื้นฟูเสถียรภาพด้านราคาจริง ๆ เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้น เราก็จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการจ้างงานสูงสุดได้อย่างยั่งยืน ซึ่งภาวะนั้นจะทำให้ผลประโยชน์กระจายไปได้อย่างกว้างขวาง เป็นสิ่งที่เราต้องทำ"
การส่งสัญญาณที่มุ่งมั่นจะขึ้นดอกเบี้ยของ FED ส่งให้ดอลลาร์แข็งค่าแตะ 104 จุด และราคาทองคำลงไปแตะ $1,822 อีกรอบ
บอร์ด ธอส. คาด กนง. จะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในปีนี้ และปีหน้าอีก 0.5%
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า บอร์ด ธอส.ได้ประชุมวางแผนทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเบื้องต้นประเมินว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เหลืออีก 3 ครั้งในปีนี้ น่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ขณะที่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 66 อีกอย่างน้อย 0.50% ต่อปี ทำให้คาดว่าในช่วง 2 ปีนี้ จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายประมาณ 1%
นายฉัตรชัย ยอมรับว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนของ ธอส. เพิ่มขึ้น เพราะต้องขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากทันที ส่วนฝั่งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นั้น อยู่ที่แต่ละธนาคารจะพิจารณาบริหารต้นทุนอย่างไร ซึ่งในปีนี้ก็ยังมีเวลาเหลืออีก 5 เดือน แต่จากการประมาณการคาดว่าการตรึงดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือและลดภาระให้ประชาชน จะทำให้ ธอส. มีต้นทุนในปีนี้เพิ่มขึ้น ประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนปี 66 คาดว่าจะกระทบประมาณ 1,300 ล้านบาท
JP Morgan มองสหรัฐฯสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยหากมีสิ่งนี้
โดยนายมาร์โค โคลาโนวิช นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน ได้ออกมาวิเคราะห์ว่า หากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยุติลง จะทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง จากราคาสินค้าและพลังงานต่ำลง ซึ่งอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ทำให้ FED ไม่ขึ้นดอกเบี้ยมากเกินไป ส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้ หากสหรัฐฯที่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอย และจีนยกเลิกมาตรการ ZERO COVID-19 จะส่งให้ GDP โลกครึ่งปีหลังขยายตัว 3.1%
มุมมองของเราใช่หากเงินเฟ้อต่ำจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯสามารถหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยได้จริง แต่ความเป็นไปได้ที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนยุติลง อาจจะยากสักหน่อย เนื่องจากรัสเซียมองว่า ยูเครนเป็นภัยคุกคามต่อรัสเซียเพราะเป็นตัวแทนจากชาติตะวันตก ส่วนฝ่ายยูเครนได้แรงสนับสนุนจากชาติตะวันตกช่วยส่งเงินและอาวุธ โดยมีเป้าหมายให้รัสเซียอ่อนแอลงทั้งภาคเศรษฐกิจและทางการทหาร ทั้งนี้ยูเครนจะได้รับสถานะประเทศผู้สมัครเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ทำให้สงครามมีความเสี่ยงที่จะขยายวงกว้าง
และเงินเฟ้อทั่วโลกกำลังเพิ่มขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ EU ประกาศจะคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซียในสิ้นปีนี้ และรัสเซียได้เปลี่ยนการซื้อขายพลังงานกับคู่ค้าอย่าง EU ให้จ่ายเป็นเงินรูเบิล ทำให้สัปดาห์ที่ผ่านมารัสเซียได้ระงับการส่งก๊าซไปยังโปแลนด์, บัลแกเรีย, เนเธอร์แลนด์, เดนมาร์ก และฟินแลนด์แล้ว เนื่องจากประเทศเหล่านี้ปฏิเสธที่จะจ่ายค่าก๊าซเป็นเงินรูเบิล
หากเงินเฟ้อยังท่วมอยู่แบบนี้จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน นักลงทุนคงได้เห็นเศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอย ตามมาด้วย Stagflation ซึ่งทำให้ทองคำมีโอกาสขึ้นครั้งใหญ่ และตลาดหุ้นก็ลงครั้งใหญ่เช่นกัน
Array ( [cooCAFXXSUAV] => cooCAFXXSUAV [Secure-PHPSESSID] => du5pjcab77vfo8tpcs51psl4th )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732267471 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => eb6616b109fef20c52068277868a8a3f [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/switcher.html?action=language&language=th&origin=https%3A%2F%2Fwww.caf.co.th%2Farticle%2Fcaf-update-24-06-65.html )
Array ( [content] => caf-update-24-06-65 )
Array ( )