เผยแพร่เมื่อ วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564
อย่างที่นักลงทุนกำลังมองกลุ่มหุ้นท่องเที่ยว หลังรับปัจจัยการเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 64 เพราะมีนักท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางจาก 63 ชาติ เข้าไทย เนื่องจากได้รับการอนุมัติจาก ศบค. โดยมีเงื่อนไขการได้รับวัคซีนครบถ้วน และการตรวจ RT-PCR 1 ครั้ง เมื่อได้รับผลสวอปเป็นลบ ก็สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวต่อได้ทันที ทั้งในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศไทย
หากวิเคราะห์สถานการณ์ท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 1-5 พฤศจิกายน 64 มี 27 สายการบินเข้าไทยรวมถึงคนไทยที่ท่องเที่ยวคาดการณ์ว่าจะมากกว่าถึง 15,230 คน เรียกได้ว่า ไทยเริ่มนับหนึ่งเปิดการท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ และแนวโน้มหลังจากนี้ มีโอกาสที่นักท่องเที่ยวจากสวิตเซอร์แลนด์และประเทศใกล้เคียงในภูมิภาคยุโรป มีโอกาสสนใจและเลือกจังหวัดภูเก็ตเป็นจุดหมายในการเดินทางในช่วงฤดูหนาวนี้ เนื่องจากไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัว
กลับมาที่คำถามหลักว่า “หุ้นท่องเที่ยวใครได้ประโยชน์มากที่สุด” CAF จะวิเคราะห์เป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มการบิน สนามบินและโรงแรม
โดยกลุ่มการบินเรียกได้ว่า “บุญมีแต่กรรมบัง” เพราะได้ประเด็นบวกจากการเปิดประเทศที่เข้ามาในเดือน พ.ย. แต่ดันเจอปัจจัยลบสำคัญอย่างราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 ปี ทำกำไรของกลุ่มการบินหาย เราจึงไม่แนะนำหุ้นกลุ่มการบิน
ขณะที่หุ้นสนามบินอย่าง AOT เหมือนจะได้ปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ แต่อย่างลืมว่า AOT มีรายได้จากการบิน 54.46%และรายได้ที่ไม่ใช่การบิน 45.54% แต่ก่อนหน้านี้ AOT อนุมัติขยายระยะเวลาการเลื่อนชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทน ค่าเช่าพื้นที่ ค่าบริการการใช้บริการในอาคาร ค่าบริการสนามบิน (Landing and Parking Charges) และค่าเครื่องอำนวยความสะดวก (Aircraft Service Charges) กระทบต่อการจัดเก็บรายได้ และปัจจัยดังกล่าวกดดันราคาหุ้นของ AOT
ส่วนหุ้นโรงแรมอย่าง CENTEL มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์สูงที่สุด เนื่องจาก CENTEL มีสัดส่วนรายได้จาก 2 อย่าง ที่เป็นรายได้หลักหลังจากโควิด-19 แพร่ระบาดในไทย คือ
1.รายได้จากอาหาร 85%
2.รายได้โรงแรม 15%
ในปัจจุบันที่การเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 64 คาดการณ์ว่ารายได้จากโรงแรมของ CENTEL มีโอกาสเพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกทั้งรายได้จากอาหารของ CENTEL มีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว รวมถึงการเปิดประเทศทำให้แนวโน้มการบริโภคอาหารเพิ่มสูงขึ้น จึงเป็นที่มาที่เราแนะนำ CENTEL ว่าจะได้ประโยชน์มากที่สุดในรอบนี้ เพราะได้ประโยชน์ทั้งโรงแรมและอาหาร แต่การลงทุนดังกล่าว เราแนะนำเป็นระยะสั้นๆ เนื่องจากการเปิดประเทศมาพร้อมกับความเสี่ยงการแพร่ระบาดโควิด-19 ของไทยรอบใหม่
แต่เหตุที่เราไม่แนะนำหุ้นกลุ่มโรงแรมอย่าง ERW หรือ MINT เนื่องจาก
ERW มีลักษณะการประกอบธุรกิจลงทุนพัฒนาและดําเนินธุรกิจโรงแรม ซึ่งปัจจัยบวกน้อยกว่า CENTEL
ส่วน MINT สัดส่วนรายได้ปี 2563 คือ 1.โรงแรม 58% 2.อาหาร 36% และ3.ไลฟ์สไตล์ 6% เท่ากับว่ารายได้หลักของ MINT อยู่ที่โรงแรม แต่โรงแรมของ MINT ดันตั้งอยู่ที่ ยุโรป 58% ,สหรัฐฯ 5% ,ไทย 13% ,ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ 12% ,มัลดีฟส์และตะวันออกกลาง 3% กล่าวดังว่า การรับประเด็นบวกเปิดประเทศของไทย MINT ได้รับประโยชน์น้อย
กลับมาที่ CENTEL อีกครั้ง หลังจากเราวิเคราะห์ว่าทำไม CENTEL ได้ประโยชน์มากที่สุดในรอบนี้ ก็ถึงเวลาสำคัญในการกำหนดกลยุทธ์ แนวโน้มของ CENTEL เป็น Sideway Up ประกอบกับพื้นฐานที่คาดการณ์ว่าได้ประโยชน์ทั้งโรงแรมและอาหาร เราแนะนำลงทุนในระยะสั้นสามารถ ซื้อ CENTEL ที่ราคา 35-36 บาท เป้าหมายการทำกำไรที่ 38-40 บาท ส่วนจุดหนี คือ 32 บาท
Array ( [Secure-PHPSESSID] => c611abuadq3396uo6g51vjrqdp [cooCAFXXSUAV] => cooCAFXXSUAV )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732534724 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => 191c88257f8ca8c6ac9dcbb49f0a0efd [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/switcher.html?action=language&language=th&origin=https%3A%2F%2Fwww.caf.co.th%2Farticle%2Fanalyze-travel-2-stock-2021.html )
Array ( [content] => analyze-travel-2-stock-2021 )
Array ( )