เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2565
เรามาวิเคราะห์ก่อนว่าทำไมราคาน้ำมันถึงสูงที่สุดในรอบ 14 ปี มองว่ามาจาก 3 ประเด็น
1.จากสถานการณ์โควิด-19 กดดันให้นานาชาติเริ่มคุมการระบาดโควิด-19 โดยการใช้มาตรการล็อกดาวน์ กระทบกับอุตสาหกรรมต้องปิดจาม ลดความต้องการใช้น้ำมันลง และตามมาด้วยราคาน้ำมันลงแรง กดดันให้โอเปกเข้ามาแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันถูก โดยตัดสินใจลดการผลิตน้ำมัน เพื่อทำให้ความต้องการและการผลิตน้ำมันอยู่ในระดับใกล้กัน เหตุที่โอเปกเข้ามาควบคุมการผลิตน้ำมันเพราะประเทศในกลุ่มโอเปกมีรายได้หลักมาจากการขายน้ำมัน และปัจจุบันโอเปกยังไม่ได้กลับมาผลิตในระดับก่อนเกิดโควิด-19 ทำให้น้ำมันเริ่มขาดตลาด
2.นานาประเทศเริ่มปรับตัวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมเริ่มกลับมาผลิต และประชาชนทั่วโลกเริ่มเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง ดันความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น
3.รัสเซียบุกยูเครนตั้งแต่ 24 ก.พ. 2565 ทำให้นานาชาติที่นำโดยสหรัฐฯและ EU เริ่มใช้มาตรการคว่ำบาตรกับรัสเซียที่หนักสุด คือ การแบนน้ำมันของรัสเซีย โดยปี 2564 EU นำเข้าน้ำมันจากรัสเซียถึง 2.29 ล้านบาร์เรลต่อวัน
และเหตุผลที่เรากำลังจะบอกท่านว่า ราคาน้ำมันจะสามารถปรับขึ้นได้มากกว่านี้เพราะ 3 ปัจจัย
1.สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ดำเนินต่อ ทำให้ภาวะช็อกจากราคาพลังงานและอาหารจะกระทบต่อการค้าโลกเพิ่มขึ้น ส่งให้ราคาน้ำมันแพง และสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะจบเมื่อไร หากตอบผ่านมุมมองของนายพลคีรีโล บูดานอฟ หัวหน้าหน่วยข่าวกรองของยูเครนว่า “การสู้รบส่วนใหญ่จะยุติภายในสิ้นปีนี้ และในที่สุดก็จะนำไปสู่การเปลี่ยนผู้นำของสหพันธรัฐรัสเซีย” ซึ่งกำลังบอกว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังไม่จบง่ายๆ มาตรการคว่ำบาตรรพลังงานก็ยังคงอยู่
2.การขาดแคลนน้ำมัน เนื่องจากภัยธรรมชาติในที่นี่มองถึง สหรัฐฯเพราะในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา เดือน เม.ย. ถึง มิ.ย. จะมีการเกิดพายุทอร์นาโดมากที่สุดในสหรัฐฯ ทำให้สหรัฐฯอาจต้องประกาศปิดแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล เพื่อป้องกันการสูญเสียแรงงาน
3.ความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นจากฤดูหนาวของสหรัฐฯและยุโรป ที่จะเกิดขึ้นในเดือน ธ.ค. ถึง มี.ค. ใช้เพื่อให้ความอบอุ่นของประชากร
จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทที่ขายน้ำมันรับรายได้จากกำไรของสต๊อกน้ำมันที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้บวกกับหุ้นอย่าง(PTTEP , TOP , SPRC , BCP , IRPC ,ESSO) คำถามคือหุ้นเหล่านี้ใครตามราคาน้ำมันมากกว่ากัน เราจะใช้ค่าสหสัมพันธ์ (correlation) ในการวัด
Correlation หรือ ค่าสหสัมพันธ์ เป็นการดูทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 2 ตัว โดยมี Correlation Coefficient (r) หรือ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ เป็นตัวบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์นี้ ซึ่งค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์นี้จะมีค่าอยู่ระหว่าง -1.0 ถึง +1.0 หากมีค่าใกล้ -1.0 หมายความว่าตัวแปรทั้งสองตัวมีความสัมพันธ์กันอย่างมากในเชิงตรงกันข้าม หากมีค่าใกล้ +1.0 หมายความว่า ตัวแปรทั้งสองมีความสัมพันธ์กันโดยตรงอย่างมาก และหากมีค่าเป็น 0 นั้นหมายความว่า ตัวแปรทั้งสองตัวไม่มีความสัมพันธ์ต่อกัน
จากการหาค่า Correlation ได้คำตอบว่า PTTEP มีความสัมพันธ์กันโดยตรงอย่างมาก
Array ( [cooCAFXXSUAV] => cooCAFXXSUAV [Secure-PHPSESSID] => 0i70o8da68akfake6383vgb9bc )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732267915 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => 9f42fbe1ded39f17b4f02201084db0f9 [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/switcher.html?action=language&language=th&origin=https%3A%2F%2Fwww.caf.co.th%2Farticle%2Fanalyze-pttep-stock-2022.html )
Array ( [content] => analyze-pttep-stock-2022 )
Array ( )