บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด

ทองคำโลกกำลังจะเปลี่ยนแนวโน้มหรือไม่?

ทองคำโลกกำลังจะเปลี่ยนแนวโน้มหรือไม่?

เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2564


กล่าวได้ว่าราคาทองคำเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ หลังจากในเดือน สิงหาคม 2564 สหรัฐฯได้ประกาศตัวเลขภาคแรงงาน อย่าง Non-Farm(การจ้างงานนอกภาคการเกษตร) เพิ่มขึ้นแตะ 943,000 ตำแหน่ง และ Unemployment Rate(อัตราการว่างงาน) ลดลงต่ำที่สุดในรอบ 16 เดือน แตะ 5.4% ส่งสัญญาณว่าต่ำที่สุดตั้งแต่สหรัฐฯเจอกับวิกฤตการระบาดโควิด-19 ทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งคาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯจะลด QE จนเกิดแรงเทขาย  กดราคาทองคำลงไปต่ำกว่า 1,700 เหรียญ แต่ราคาทองคำกลับมารีบาวด์ขึ้นมาแตะ 1,780 เหรียญ เพราะนักลงทุนบางส่วนตั้งสติได้ว่า อัตราการว่างงานที่ต่ำในรอบ 16 เดือน แตะ 5.4% ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯจะลด QE                 

ขอย้อนไปที่สัญญาณแรกในมุมมองต่างๆถึงส่งผลกระทบต่อราคาทองคำอย่างไรบ้าง เราวิเคราะห์เป็น 2 ส่วน

1.ทางตรง ตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง มาจากการบริโภคฟื้นตัว กระตุ้นการผลิตและบริการ ทำให้เกิดการจ้างงานในสหรัฐฯเพิ่มขึ้น ซึ่งสร้างความมั่นใจต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า 

2.ทางอ้อม อัตราการว่างงานที่ลดลงมีแนวโน้มเข้าหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญในการลด QE และขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า

แต่หลายคนก็สงสัยว่า QE และดอกเบี้ยต่ำจะช่วยเศรษฐกิจสหรัฐฯได้อย่างไรทำไมถึงมีผลต่อทองคำมากนัก?

นโยบายดอกเบี้ย คือ มาตรการกำหนดต้นทุนทางการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก ทำให้ลดหรือเพิ่มสภาพคล่อง โดยการลดดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางสหรัฐฯใช้ที่ 0-0.25% กระทบต่ออัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินและของธนาคารพาณิชย์ก็จะปรับลดลงตาม ทั้งดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ สร้างแรงจูงใจให้คนที่จะทำธุรกิจ เพราะต้นทุนการกู้ยืมจะถูกลง ส่งให้เศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้น แต่หากขึ้นดอกเบี้ย เศรษฐกิจก็จะมีแนวโน้มชะลอลง เพราะต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้น 

นโยบาย QE คือ มาตรการเพิ่มสภาพคล่อง โดยสหรัฐฯใช้ QE 1.2 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือน แบ่งเป็น

1.การซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จะที่ช่วยกดอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรสหรัฐฯ กดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ ส่งให้ธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มปล่อยกู้ที่อัตราดอกเบี้ยต่ำลง แต่การตัดสินใจปล่อยกู้ก็ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของผู้กู้ด้วย

2.การซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อจำนองค้ำประกัน 4.0 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อจำนองค้ำประกัน คือ ตราสารทางการเงินชนิดหนึ่ง เกิดจากการนำสินเชื่อบ้านที่ถูกคัดกรองแล้วมามัดรวมกันโดยสถาบันการเงิน ทำหน้าที่เหมือนเป็นคนกลางจับคู่นักลงทุนกับผู้กู้ยืม โดยการซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อจำนองค้ำประกันทำให้สถาบันการเงินมีเงินสดเพิ่มมากขึ้น หมายความว่า สถาบันการเงินจะสามารถปล่อยเงินกู้ได้เพิ่มขึ้น

และนี่คือ สิ่งที่จะกระทบหลังใช้มาตรการลดดอกเบี้ย และใช้ QE หากจะลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จะส่งให้เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัว และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นซึ่ง ทำให้ราคาทองเพิ่มอย่างรวดเร็ว

เท่ากับว่าสิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงทิศทางราคาทองคำ คือ การลด QE และการขึ้นดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนต้องจับตาเงื่อนไขในการใช้นโยบายการเงินสหรัฐฯอย่าง

1.แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัว

2.อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยที่ 2%

3.อัตราการว่างงานเท่ากับตอนก่อนเกิดโควิด-19 

หากดูในประเด็นแรก คือ แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัว

เรียกได้ว่า มีปัญหาพอสมควร เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีตัวแปรที่สำคัญ คือ ความเสี่ยงการแพร่ระบาดโควิด-19 ในสหรัฐฯ ทั้งนี้เราจะแสดงความสัมพันธ์ระหว่างการแรพระบาดและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 

 

กราฟตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ จะแสดงความสัมพันธ์ระหว่างการระบาดโควิด-19 และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หากอัตราเฉลี่ยการแพร่ระบาดโควิด-19 เพิ่มขึ้นไปมากกว่า 1 แสนรายต่อวัน ตัวเลขอย่าง ยอดค้าปลีก ,ผลผลิตอุตสาหกรรม ,Non-Farm ,รายได้ส่วนบุคคล ,รายจ่ายส่วนบุคคล , และISM ,Manufacturing PMI จะเริ่มขยายตัวลดลง หรือเข้าขั้นหดตัว 

ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน ,อัตราการว่างงาน ,อัตราเงินเฟ้อ ,CPI ,PPI และ ISM Non-Manufacturing ไม่ได้ลดลงตามการระบาดโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นไปมากกว่า 1 แสนรายต่อวัน

แล้วแนวโน้มการระบาดโควิด-19 ในสหรัฐฯขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง?

1.สายพันธุ์ของโควิด-19 โดยการระบาดรอบใหม่ในสหรัฐฯเป็นสายพันธุ์เดลต้า(Delta)มากถึง 83% และสายพันธุ์เดลต้ามีความสามารถในการแพร่กระจายเชื้อได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อัลฟา(Alpha) และสามารถหลบภูมิคุ้มกันได้ ทำให้แพร่ระบาดได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ทั้งนี้สายพันธุ์เดลต้า(Delta) สามารถระบาดในเด็ก ทำให้สหรัฐฯพบยอดเด็กที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เกือบ 4.3 ล้านราย เมื่อนับจนถึงวันที่ 5 ส.ค. 64 แต่ปัญหาคือ เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปียังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 มีความเสี่ยงทั้งติดโควิด-19 และเป็นแหล่งแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งทำให้แนวโน้มการระบาดมีมากกว่ารอบก่อน

2.ประสิทธิภาพของวัคซีน โดยมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด เผยประสิทธิภาพ วัคซีนไฟเซอร์ ลดลงหลังจาก 3 เดือน โดยวัคซีนไฟเซอร์/บิออนเทคการป้องกันการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้าหลังจาก 3 เดือน 61% เท่านั้น เป็นปัญหาสำคัญที่จะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่

3.ปัญหาความเชื่อที่มีต่อวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากสหรัฐฯเป็นประเทศที่เข้าถึงวัคซีนได้มากที่สุด โดยเริ่มฉีดตั้งแต่เดือน ธ.ค. 63 ซึ่งเป็นประเทศแรกๆ  แต่ทำไมสหรัฐฯถึงมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพียง 60% ของประเทศ ทำให้ไม่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาการระบาดของโควิด-19 ได้เต็มประสิทธิภาพ

ประเด็นที่สองอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยที่ 2%

โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ มองว่า อัตราเฟ้อเฟ้อที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐฯ มาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ในการใช้อัตราดอกเบี้ยต่ำ และ QE 1.2 แสนล้านต่อเดือน ทำให้ปริมาณเงินในระบบมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่าจะมีการระบาดของโควิด-19 หรือไม่ สังเกตได้จาก ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ นับตั้งแต่ที่สหรัฐฯเกิดการระบาดโควิดเฉลี่ยมากกว่า 1 แสนรายต่อวัน ทำให้ยอดค้าปลีกหดตัว แต่ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) ไม่ย่อตัวเลย ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯเชื่อมั่น หากมีการลด QE หรือการขึ้นดอกเบี้ยก็ลด ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) ได้ในทันที ธนาคารกลางสหรัฐฯจึงไม่กังวลกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯได้เข้าเงื่อนไขการขึ้นดอกเบี้ยและลด QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อย

ประเด็นที่สามอัตราการว่างงานลดลง

ในเดือน ก.ค. 64 อัตราการว่างงานสหรัฐฯแตะ 5.4% นับเป็นการต่ำที่สุด 16 เดือน แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของภาคแรงงานสหรัฐฯ แต่ยังไม่ถึงเงื่อนไขของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่กล่าวว่า อัตราการว่างงานเท่ากับตอนก่อนเกิดโควิด-19 หรือราวๆ 3.5%-4%

สรุปการที่ทองคำโลกกำลังจะเปลี่ยนแนวโน้มขึ้นอยู่กับความเป็นไปได้ในการลด QE และขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ซึ่งนักลงทุนต้องติดตามสัญญาณสำคัญอย่าง 

1.แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัว ผ่านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงทิศทางการระบาดโควิด-19 หากการระบาดเพิ่มขึ้นมีความเสี่ยงกดตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ กระทบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจที่ลดลง ธนาคารกลางสหรัฐฯก็ไม่สามารถลด QE ราคาทองคำจะทรงๆ 

 2.อัตราการว่างงานสหรัฐฯที่ประกาศทุกวันศุกร์ต้นเดือนหากลดลงเรื่อยๆ พร้อมกับการระบาดโควิด-19 ลดลงจะเป็นสัญญาณชั้นดี ที่บ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯมีโอกาสสูงที่จะลด QE และพร้อมขึ้นดอกเบี้ย นับเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำครั้งสำคัญ

 

 

 

เปิดบัญชี TFEX
รับสิทธิพิเศษทันที !!

บทความที่เกี่ยวข้อง

Array
(
    [Secure-PHPSESSID] => 42lpao6q9abthri72343c51lbb
    [cooCAFXXSUAV] => cooCAFXXSUAV
)
		
Array
(
    [sesCAFXXSLAT] => 1732545111
    [CAFXSI18NX] => th
    [_csrf] => c704de975d563e35de29da904533812f
    [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/switcher.html?action=language&language=th&origin=https%3A%2F%2Fwww.caf.co.th%2Farticle%2Fanalyze-gold-2-2021.html
)
		
Array
(
    [content] => analyze-gold-2-2021
)
		
Array
(
)