เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2564
นับตั้งแต่ต้นปี 2564 การระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 แม้จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะภาคบริการและการท่องเที่ยว กดดันต่อภาพรวมเศรษฐกิจ แต่กลับเป็นผลดีต่อธุรกิจการแพทย์และโรงพยาบาล ในแง่การให้บริการที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก และ Q2/64 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ วันนี้เราจึงหยิบเอาบริษัทที่มีผลการดำเนินงาน Q2 ดีที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล (เฉพาะ Single Stock Futures) นั่นคือ BCH
ผลการดำเนินงาน Q2/64 ของ BCH หรือ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล เติบโตดีที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล โดยมีรายได้จากการให้บริการจำนวน 4,313 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ Q1/64 ที่มีรายได้จากการให้บริการ 2,316 ล้านบาท (+86.22% QoQ) และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ Q2/63 ที่มีรายได้จากการให้บริการ 2,082 ล้านบาท (+107.16% YoY) โดยเพิ่มขึ้นตามการระบาดที่รุนแรงของโควิด-19 ทำให้มีผู้ใช้บริการมากขึ้น
ด้านกำไรจากการดำเนินงาน BCH รายงานไว้ที่ 1,610 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก Q1/64 ที่มีกำไรจากการดำเนินงาน 473 ล้านบาท (+240.38% QoQ) และเพิ่มขึ้นจาก Q2/63 ที่มีกำไรจากการดำเนินงาน 429 ล้านบาท (+275.29% YoY) เป็นผลจากการที่รายได้เพิ่มขึ้น และการบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ดี ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
หากเปรียบเทียบกำไรสุทธิ Q2/64 ของ BCH กับบริษัทอื่นในกลุ่มโรงพยาบาล ก็พบว่ากำไรสุทธิของ BCH มีการเติบโตมากที่สุด สะท้อนถึงภาพรวมการให้บริการ และการดำเนินงานที่ดีกว่าบริษัทอื่นๆในระดับหนึ่ง ด้วยความที่เป็นโรงพยาบาลที่เน้นให้บริการผู้ป่วยในประเทศ และมีสาขาให้บริการจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากผู้ป่วยที่ใช้สิทธิประกันสังคมเข้ามาหนุนในทุกไตรมาส
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของ BCH ก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือน เม.ย. โดยเป็นแรงเก็งกำไรจากนักลงทุนที่คาดว่าผลการดำเนินงานจะดีขึ้น ภายใต้การระบาดที่รุนแรงของโควิด-19 ระลอกใหม่ การปรับตัวขึ้นจาก 14 บาทสู่ระดับสูงสุดของรอบและ All Time High ที่ 26.75 บาท เป็นการสะท้อนความคาดหวังผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น เมื่อตัวเลขผลการดำเนินงานออกมาจึงเกิดแรงเทขาย เป็นรูปแบบของ Sell on Fact รับรู้ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นนั่นเอง
โดยสถานการณ์ราคาหุ้น BCH ตอนนี้ มีแนวโน้มขาลง หลังจากหลุดแนวรับ 25 บาทลงมา แม้มีการขึ้นไปทดสอบอีกครั้ง ก็ไม่สามารถขึ้นต่อไปได้ เกิดแรงเทขายเพื่อคอนเฟิร์มขาลง ณ จุดนั้นต้องบอกว่าการเปิดสถานะ Short มีความได้เปรียบกว่าฝั่ง Long เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเราให้คำแนะนำเปิดสถานะ Short บริเวณ 24 บาท กำหนดให้ 24.80 บาทเป็นจุด Stop Loss
ทั้งนี้ เราคาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรผลการดำเนินงาน Q3/64 เข้ามาอีกครั้งหลังจบการปรับฐานของราคาหุ้น BCH โดยเราแนะนำให้จับตาที่แนวรับ 19 บาท หากปรับฐานลงมาที่ระดับนี้แล้วยืนได้ อาจส่งสัญญาณขาขึ้นรอบใหม่ เราจึงแนะนำให้นักลงทุนที่กำลังสนใจเปิดสถานะ Long ควรรอให้ราคาลงมาทดสอบบริเวณนี้ก่อนเพื่อความชัวร์ และวางแผนง่ายขึ้น
หมายเหตุ: ราคาหุ้น ณ วันที่ 19 ส.ค. 64
Array ( [Secure-PHPSESSID] => ecd3ga55usjv7cvkib5hh5fvps [cooCAFXXSUAV] => cooCAFXXSUAV )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732325619 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => a4615024b83c657b47db2d3eef519a34 [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/switcher.html?action=language&language=th&origin=https%3A%2F%2Fwww.caf.co.th%2Farticle%2Fanalyze-bch-stock-2021.html )
Array ( [content] => analyze-bch-stock-2021 )
Array ( )