เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2565
หลังจากจบการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ครั้งที่ 4/2565 มีมติ 10 ต่อ 1 เสียงให้ขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.75% สู่ระดับ 1.50-1.75% โดยกรรมการเฟดผู้ที่ออกเสียงสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของ FOMC ในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ เจอโรม เอช พาวเวล ประธานเฟด, จอห์น ซี วิลเลียมส์ รองประธานเฟด, มิเชล ดับเบิลยู โบวแมน, ลาเอล เบรนาร์ด, เจมส์ บูลลาร์ด, ลิซา ดี คุก, แพทริค ฮาร์เกอร์, ฟิลลิป เอ็น เจฟเฟอร์สัน, ลอเร็ตตา เจ เมสเตอร์ และคริสโตเฟอร์ เจ วอลเลอร์ ส่วนผู้ที่ออกเสียงคัดค้านการดำเนินนโยบายการเงินครั้งนี้ได้แก่ เอสเธอร์ แอล จอร์จ ซึ่งต้องการให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.50%
โดยผลกระทบที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(FED) ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยถึงสิ้นปีจะแตะ 3.25-3.5% จะทำให้ประเทศต่างๆต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยตาม รวมถึงไทย เพื่อป้องกันการไหลออกจากเงินลงทุน ทำให้กลุ่มที่ได้ประโยชน์ชัดๆ คือ ธนาคาร ซึ่งเรามองเป็น BBL เพราะได้ประโยชน์จาก 2 ปัจจัย
1.แนวโน้มรายได้จากดอกเบี้ยและมิใช่ดอกเบี้ยในปี 2565 ขยายตัวจากการที่ BBL ได้ซื้อธนาคารเพอร์มาตาในประเทศอินโดนีเซีย(ตั้งแต่ปี 2563) เพราะ IMF คาดการณ์ขยายตัวของ GDP อินโดนีเซียในปี 2565 ถึง 5.4% จากปี 2564 ที่ 3.7% และในปี 2566 ขยายตัวแตะ 6% ส่วนอัตราการว่างงานปี 2565 แตะ 6% และปี 2566 ลดลงแตะ 5.6% ทำให้เกิดการบริโภคในอินโดนีเซียเพิ่ม
2.รายได้จากส่วนต่างของดอกเบี้ย ที่กำลังเพิ่มขึ้นทำให้รายได้ BBL ขยายตัว เนื่องจากการดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะกระทบต่อนโยบายการเงินทั่วโลก มีโอกาสที่จะเห็นธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ปรับขึ้นตาม จึงเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น จูงใจในธนาคารทำโปรโมชั่นเพื่อดึงเงินฝากจากประเทศ โดยประชาชนจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยในการฝากเงิน และธนาคารเองจะมีวงเงินในการปล่อยเงินกู้เพิ่มขึ้น
เราอยากให้ลองคิดตามว่า ธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยเงินฝากราวๆ 1-2% ต่อปี แต่ธนาคารจะปล่อยกู้กับ ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี MLR (Minimum Loan Rate) 5.25% ต่อปี ,ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทวงเงินเบิกเกินบัญชี MOR (Minimum Overdraft Rate) 5.87% ต่อปี , และลูกค้ารายย่อยชั้นดี MRR (Minimum Retail Rate) 5.95% ต่อปี จากวิธีนี้ทำให้จะเห็นภาพ ธนาคารใช้เงินระยะสั้น(เงินฝาก) ไปปล่อยกู้ระยะยาว ทำให้ธนาคารจ่ายดอกเบี้ยเงินฝาก 1-2% ต่อปีและปล่อยกู้ได้ดอกเบี้ยราว 5-6% ต่อปี หากยังไม่รวมค่าธรรมเนียมธนาคารจะได้ไปแล้วราว 3-4% ของวงเงินกู้
Array ( [cooCAFXXSUAV] => cooCAFXXSUAV [Secure-PHPSESSID] => 0piubgaienqvu2s0ef92286pnj )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732271592 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => d369c4c9729ee7d251b5e55de0eeaabc [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/switcher.html?action=language&language=th&origin=https%3A%2F%2Fwww.caf.co.th%2Farticle%2Fanalyze-bbl-stock-2022.html )
Array ( [content] => analyze-bbl-stock-2022 )
Array ( )