บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด

BAM-JMT พื้นฐานต่างกัน สู่กลยุทธ์การซื้อขาย Single Stock Futures ที่ต่างกัน

BAM-JMT พื้นฐานต่างกัน สู่กลยุทธ์การซื้อขาย Single Stock Futures ที่ต่างกัน

เผยแพร่เมื่อ วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2564


ในช่วงเศรษฐกิจเข้าสู่การถดถอยอย่างเต็มตัว เริ่มจากการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ ได้รับผลกระทบเกือบทุกส่วน แต่มีธุรกิจหนึ่งที่ยังทำผลงานได้ดี ในสภาวะที่เศรษฐกิจอยู่ในฝั่งชะลอตัว และสินเชื่อด้อยคุณภาพหรือหนี้เสีย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นั่นคือธุรกิจบริหารสินทรัพย์ หรือธุรกิจบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพ ซึ่งในตลาดหุ้นและ Single Stock Futures ก็มีหุ้นที่เป็นที่รู้จัก 2 บริษัทด้วยกัน ได้แก่ BAM หรือ บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ และ JMT หรือ บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส คำถามคือ ทั้ง 2 บริษัทนี้แตกต่างกันอย่างไร?

มาเริ่มกันที่ BAM ก่อน ธุรกิจของ BAM ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และ 2) ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์รอการขาย โดยเป็นการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ หรือสินทรัพย์รอการขายจากสถาบันการเงิน และนำมาเข้ากระบวนการเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสด และเป็นรายได้ให้กับ BAM ตามลำดับ

ด้านรายได้และกำไรสุทธิของ BAM ตั้งแต่ปี 63 จนถึง Q1/64 พบว่าได้รับผลกระทบจากโควิด-19 พอสมควร หากวิเคราะห์จากแนวโน้มรายไตรมาส โดยมีการดรอปลงใน Q2/63 จากผลกระทบของโควิด-19 ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นมาในช่วงครึ่งหลังของปี 63 ทั้งนี้ หากวิเคราะห์อัตรากำไรสุทธิทั้งปีของ BAM จะได้ผลลัพธ์ที่ 15%

มาวิเคราะห์ทางฝั่ง JMT กันบ้าง ธุรกิจของ JMT ประกอบด้วย 4 ส่วนด้วยกัน ได้แก่ 1) ธุรกิจให้บริการติดตามเร่งรัดหนี้สิน 2) ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ 3) ธุรกิจนายหน้าประกันภัย และ 4) ธุรกิจประกันภัย โดยรายได้และกำไรสุทธิของ JMT ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 น้อยมากใน Q2/63 เมื่อเทียบกับ BAM นอกจากนี้ หากวิเคราะห์อัตรากำไรสุทธิทั้งปีของ JMT จะได้ผลลัพธ์ที่ 32% สูงกว่า BAM ที่มีอัตรากำไรสุทธิ 15% ถือเป็นจุดแข็งของ JMT เมื่อเทียบกับ BAM

จากความแตกต่างนี้เอง ทำให้ราคาหุ้น JMT เคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้นมาโดยตลอด สวนทางกับ BAM ที่เป็นขาลง เพราะผลการดำเนินงานของ BAM ที่มีความผันผวนกว่า และอ่อนไหวต่อภาพรวมเศรษฐกิจมากกว่า JMT ยิ่งไปกว่านั้น หากวิเคราะห์แนวโน้มราคาหุ้นระหว่าง BAM และ JMT ในปัจจุบัน จะได้กลยุทธ์การซื้อขาย Single Stock Futures ที่แตกต่างกัน ดังนี้

BAM ราคาเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาลง ฝั่ง Short จะมีความได้เปรียบกว่า สามารถเปิด Short ได้ที่ 17.70 บาท โดยมีจุด Stop Loss ที่ 18 บาท ด้านการทำกำไรมองแนวรับบริเวณ 15.60-16 บาท เป็นเป้าหมายในการทำกำไร

ส่วน JMT ราคาเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น มีแนวรับ-แนวต้านกรอบใหญ่ 40-49 บาท สามารถหาจังหวะเปิด Long ได้บริเวณ 43-43.50 บาท กำหนดแนวรับย่อย 42 บาทเป็นจุด Stop Loss และเป้าหมายทำกำไร 49 บาท

หมายเหตุ: ราคาหุ้น ณ วันที่ 4 ส.ค. 64

เปิดบัญชี TFEX
รับสิทธิพิเศษทันที !!

บทความที่เกี่ยวข้อง

Array
(
    [cooCAFXXSUAV] => cooCAFXXSUAV
    [Secure-PHPSESSID] => vumvcpgiv1d0t263tc7827ttqg
)
		
Array
(
    [sesCAFXXSLAT] => 1732327166
    [CAFXSI18NX] => th
    [_csrf] => 42862ab9dfa4c7321414a50485379ba9
    [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/switcher.html?action=language&language=th&origin=https%3A%2F%2Fwww.caf.co.th%2Farticle%2Fanalyze-bam-jmt-stock-2021.html
)
		
Array
(
    [content] => analyze-bam-jmt-stock-2021
)
		
Array
(
)