บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด

แนวโน้มเงินบาทอ่อน Q4/66 จับตาหุ้นกลุ่ม?

แนวโน้มเงินบาทอ่อน Q4/66 จับตาหุ้นกลุ่ม?

เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2566


แนวโน้มเงินบาทอ่อน Q4/66 จับตาหุ้นกลุ่ม?

เชื่อว่า นักลงทุนหลายคนกำลังสงสัยว่า ทำไม? เราถึงมอง “เงินบาทอ่อนค่าต่อ” ใน Q4/66 ทั้งที่เป็นช่วง High Season ของท่องเที่ยวไทย น่าจะทำให้เงินไหลเข้าไทยจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าท่องเที่ยว ดันค่าเงินบาทแข็งค่า แต่มี 3 ปัจจัยที่จะกดค่าเงินบาทอ่อนใน Q4/66
1.ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เสี่ยงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ในการประชุม FOMC พ.ย.และธ.ค. 66 โดย FED ใช้นโยบายทางการเงินแบบเข้มงวดตั้งแต่ปี 2565 เนื่องจากคุมอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นจากหลายปัจจัยได้แก่ สหรัฐฯเปิดสงครามการค้ากับจีน ปัญหาโควิด-19 ทำให้เกิดปัญหาห่วงโซ่อุปทานจากการขาดแคลนชิป ทำให้ราคาเครื่องไฟฟ้า รถยนต์ ประกอบกับธนาคารกลางแต่ละประเทศใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจากการเจอโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ จากปัญหาที่กล่าวมาส่งให้อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯพุ่งไปแตะ 9.1% และ FED ยังเคยใช้ดอกเบี้ยนโยบายต่ำที่สุดแตะ 0.25%


จากปัญหาเงินเฟ้อที่เพิ่มทำให้ FED ดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด ผ่านการใช้เงินเฟ้อเป็นเป้าหมาย โดย FED กำหนดเป้าหมายที่ 2% ซึ่งมีข้อเสียได้แก่ 1.กดการลงทุน ,การบริโภค  ,ดันราคาสินค้าและบริการขึ้น กระทบต่อการใช้ดอกเบี้ยที่นานกว่าเครื่องมือทางการเงินชนิดอื่นๆ  2.การใช้เป้าหมายเงินเฟ้อสามารถคุมราคาน้ำมันและอาหาร เพราะสินค้าที่ดังกล่าวมักเกิดความผันผวนและยากในการควบคุม เนื่องจากเป็นปัจจัยจากนอกประเทศ 3.การใช้นโยบายดอกเบี้ยที่สูงมากเกินจะกระทบต่อการตัดสินใจของประชาชนในการบริการ และการลงทุน


 

โดย FED ยังส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งปีนี้ในการประชุม FOMC ครั้ง 6/66 และ FED คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯจะไม่ถดถอย แต่มีโอกาสขยายตัว +2.1% เดิมคาด 1.0% ขณะที่คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้มีโอกาสแตะ 5.50-5.75% การส่งสัญญาณดังกล่าวส่งดอลลาร์สหรัฐฯแข็ง กดค่าเงินบาทอ่อนค่า

2.คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
         
แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ไม่ได้ยืนยันว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดจะเป็นครั้งสุดท้ายของการปรับขึ้นรอบนี้ แต่ ธปท. เผยอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% เหมาะสมกับเศรษฐกิจในปัจจุบัน ประกอบกับวันที่ 5 ต.ค.66 ที่ผ่านมา
          กระทรวงพาณิชย์ประกาศ CPI ไทย ก.ย.66 ขยายตัวลดลงเหลือ 0.30% ต่ำกว่า ส.ค.66 ที่ 0.88% ส่งผลให้ CPI เฉลี่ย 9 เดือน(ม.ค.-ก.ย.66) แตะ 1.82% ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของ กนง. 1-3% หลังราคาน้ำมันและไฟฟ้า ปรับตัวลดลง ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับเป้าหมายเงินเฟ้อปี 66 เหลือขยายตัวในกรอบ 1.0-1.7% เดิม 1.0-2.0% สร้างโอกาสให้ กนง. ยุติการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม พ.ย.66 กดค่าเงินบาทอ่อน

3.บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือขู่ปรับลดเครดิตไทย
         
บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถืออย่าง S&P Global  , Moody ,และ Fitch มีความกังวลการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยทั้งการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ,การพักชำระหนี้ให้กับเกษตรกร ,และอุดหนุนค่าไฟฟ้าและน้ำมัน เสี่ยงเกิดการขาดดุลงบประมาณปี 67 มากขึ้น ดันหนี้สาธารณะต่อ GDP เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยที่เข้ากดดันให้อันดับเครดิตของประเทศไทยลดลง กระทบนักลงทุนต่างประเทศชะลอการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย หรือ ย้ายเงินลงทุนออกนอกประเทศ เป็นอีกปัจจัยที่กดค่าเงินบาทอ่อน 

จาก 3 ปัจจัย กระทบค่าเงินบาทเสี่ยงอ่อนค่าต่อใน Q4/66 โดยหุ้นกลุ่มที่ได้และเสียประโยชน์ใน Single Stock Futures ดังนี้
กลุ่มหุ้นได้ประโยชน์
1.หุ้นกลุ่มส่งออก จากความสามารถแข่งขันของผู้ส่งออกสูงขึ้น เพราะราคาสินค้าจะถูกลงในสายตาผู้บริโภคในต่างประเทศ รวมทั้งการรับรู้รายได้เป็นเงินบาทจะเพิ่มสูงขึ้น สร้างโอกาสการทำกำไรให้บริษัทมากขึ้น อย่าง CPF ,DELTA ,GFPT ,HANA ,KCE ,STA ,STGT ,TKN ,TU
2.หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว ในช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนจะหนุนให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแลกเงินต่างประเทศเป็นเงินบาทได้สูงขึ้น ส่งค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวในประเทศไทยลดน้อยลง สร้างโอกาสให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยมากขึ้น บวกต่อหุ้น AAV ,AOT ,AWC ,BA ,ERW ,CENTEL ,MINT

กลุ่มหุ้น SSF ที่เสียประโยชน์
1.หุ้นกลุ่มนำเข้า การที่ค่าเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าเพิ่มสูงขึ้น เพราะต้องใช้เงินบาทมากขึ้นในการแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินต่างประเทศ กดกำไรหุ้นกลุ่มนำเข้าลดลง ลบต่อหุ้นนำเข้าอย่าง BGRIM , GPSC ,GULF ,PTT ,PTTEP ,PTTGC ,TVO ,TOP ,IVL ,RATCH ,SPRC

2.กลุ่มหุ้นที่มีหนี้ในสกุลเงินต่างประเทศ เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมอยู่ในรูปสกุลเงินต่างประเทศ เมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่า จะกระทบให้ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มสูงขึ้น กระทบกำไรลดลงจากต้นทุนที่สูงขึ้น เป็นลบต่อหุ้น AAV, BA, BGRIM, RATCH, GPSC, GULF

 

 

 

เปิดบัญชี TFEX
รับสิทธิพิเศษทันที !!
Array
(
    [cooCAFXXSUAV] => cooCAFXXSUAV
    [Secure-PHPSESSID] => 5ih47u288eg504dnm74226l9c0
)
		
Array
(
    [sesCAFXXSLAT] => 1734855303
    [CAFXSI18NX] => th
    [_csrf] => 0e21c9c8b3fa6a3fc0d1d1c529dd64e0
    [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/switcher.html?action=language&language=th&origin=https%3A%2F%2Fwww.caf.co.th%2Farticle%2Fanalyze-bahtdepreciate-stock-2023.html
)
		
Array
(
    [content] => analyze-bahtdepreciate-stock-2023
)
		
Array
(
)