ครึ่งปีหลังของ 2564 ราคาทองคำ ขึ้นอยู่กับ...?

Posted on Monday, June 21, 2021

โดยราคาทองคำในช่วงครึ่งปีแรกของ 2021 เรียกได้ว่าเป็นรถไฟเหาะ ที่สร้างความหวาดเสียวได้น่าดูชม เนื่องจากราคาทองคำมีการทำจุดสูงสุดแตะ $1,958 และจุดต่ำสุดแตะ $1,676 เท่ากับว่ากรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงครึ่งปีแรกของ 2564 อยู่ที่ $282 นับว่าเป็นการผันผวนมากๆ และคำถามที่ CAF ตั้งต่อจากนี้ คือ ปัจจัยต่อจากนี้มีอะไรบ้าง และทำให้ราคาทองคำมีทิศทางอย่างไร? ในช่วงครึ่งปีหลังของ 2564 เรามองมีทั้งหมด 4 ปัจจัย

ประเด็นแรกข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน

- ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ที่มีเงื่อนไขว่า จีนจะต้องซื้อสินค้าและบริการของสหรัฐฯในปี 2020 ที่มูลค่า 7.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในปี 2021 ต้องซื้อเพิ่มอีก 1.23 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อแลกกับสหรัฐฯที่จะลดการเก็บภาษีสินค้าของจีนลดลงจาก 15% เหลือ 7.5% ของมูลค่า 1.2 แสนล้านดอลลาร์

แต่ตอนนี้จีนยังไม่สามารถซื้อสินค้าตามข้อตกลงที่ทำสัญญาไว้กับสหรัฐฯ ส่งแนวโน้มการเจรจาการค้าที่กำลังทบทวนกันอยู่ระหว่างสหรัฐฯกับจีน อาจเจอทางตัน เนื่องจากจีนไม่สามารถซื้อสินค้าตามข้อตกลงที่ในรูปต่อไปนี้

ประเด็นข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน มีความเสี่ยงสูงที่จะเริ่มเห็นการกลับมาขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ที่มีต่อจีน แต่สหรัฐฯต้องระวังเนื่องจากจีนได้ผ่านกฎหมายต่อต้านการคว่ำบาตรจากต่างชาติ โดยอนุญาตให้ศาลจีนลงโทษบริษัทที่ปฏิบัติตามกฎหมายต่างชาติที่สร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์แห่งชาติของจีน โดยมาตรการตอบโต้ในกฎหมายฉบับใหม่ รวมถึงการปฏิเสธออกวีซา, ปฏิเสธการเข้าประเทศ, เนรเทศ และปิด ยึด และอายัดทรัพย์สินของบุคคลหรือธุรกิจที่ปฏิบัติตามการคว่ำบาตรของต่างชาติต่อธุรกิจหรือเจ้าหน้าที่จีน

ประเด็นที่สองนโยบายการเงินของสหรัฐฯ

หลังจากจบการประชุม FOMC ในวันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมา FED ได้ส่งสัญญาณโดยกรรมการเฟด 13 ใน 18 รายมองว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปี 2023 ซึ่งเหตุผลที่ FED เร่งขึ้นดอกเบี้ยเร็ว เนื่องจากคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ 3 อย่าง

โดยเงื่อนไขการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ได้แก่

1.เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัว
2.อัตราการว่างงานอยู่ที่ก่อนเกิดโควิด-19 (3.5%-3.8%)
3.อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยที่ 2%

ขอนอกเรื่องนิดนึง ว่าทำไมต้องเป็น 3 เงื่อนไขนี้ เพราะตัวเลขเศรษฐกิจ 3 อย่างนี้สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

จากเงื่อนไขดังกล่าวสังเกตได้ว่า ตัวเลขเศรษฐกิจทั้ง 3 อย่างจะเข้าเงื่อนไขในปี 2023 แต่การปรับเวลาการขึ้นดอกเบี้ยจากเดิม คาดปี 2024 และจะเลื่อนเร็วขึ้น 1 ปีนั้น กระทบต่อการลงทุนระยะสั้น และระยะกลาง และนักลงทุนกลับมาถือดอลลาร์สหรัฐฯมากขึ้น และเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ

ประเด็นที่สามแนวโน้มการฟื้นตัวของสหรัฐฯ

สิ่งที่เราเริ่มเห็นการแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นจาก รัฐที่มีประชากรสหรัฐฯมากที่สุดอย่างรัฐแคลิฟอร์เนียเปิดเศรษฐกิจเต็มรูปแบบอีกครั้ง หลังจากจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดน้อยลงเหลือหลักร้อยถึงหลักพัน ทั้งนี้รัฐแคลิฟอร์เนียได้ฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนแล้วกว่า 40 ล้านราย ซึ่งรัฐแคลิฟอร์เนียมีผู้อยู่อาศัย 39.5 ล้านคน

มองได้ 2 มุม

1.มีแนวโน้มที่การผลิต และการบริการ ฟื้นตัว หนุนการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น และกระตุ้น GDP (-ทองคำ)

2.การเปิดรอบนี้เท่ากับเปิดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดโควิด-19 ด้วยเช่นกัน หากเกิดการระบาด จะกระทบต่อเศรษฐกิจในรัฐแคลิฟอร์เนีย เหตุที่มองแบบนี้ เพราะโควิด-19 ที่ระบาดในสหรัฐฯ เป็นสายพันธุ์อินเดียที่สามารถทำให้ประสิทธิภาพของยาต้านโควิด-19 ลดลง(+ทองคำ)

ประเด็นสุดท้ายซึ่งเป็นปัจจัยที่คาดการณ์ได้ยากอย่าง “โควิด-19”

หากเกิดการระบาดทั่วโลกขึ้นใหม่ มีโอกาสที่ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้น จากสถิติที่เก็บ ตั้งแต่ปี 2018-2021 ผ่านกราฟความต้องการทองคำ

จากกราฟนี้ แสดงให้เห็นว่าก่อนจะเกิดการระบาดโควิด-19 ความต้องการทองคำมากที่สุดมาจากภาค Jewellery แต่หลังจากการระบาดของโควิด-19 ความต้องการทองจากภาค Jewellery ลดลงมาก แต่ความต้องการทองคำจะเพิ่มในภาค Investment และเหตุที่ทำให้ภาค Jewellery ลดและเพิ่มภาค Investment เรามองว่า ช่วงที่โควิด-19 ระบาดที่แรก คือ จีน ซึ่งจีนได้ทำการล็อกดาวน์ครั้งใหญ่ที่สุด ส่งผลกระทบต่อความต้องการ Jewellery ลดลง และการผลิต Jewellery ก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากจีนสั่งล็อกดาวน์ และภาค Investment เพิ่มขึ้นเนื่องจากนักลงทุนกังวลกับสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ของสหรัฐฯ กระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ กดให้ US Dollar Index อ่อนค่า

สรุป 4 ปัจจัยกระทบราคาทองคำครึ่งปีหลัง คือ ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ,นโยบายการเงินของสหรัฐฯ,แนวโน้มการฟื้นตัวของสหรัฐฯ,และโควิด-19 ขณะที่กรอบของทองในปีครึ่งหลัง Gold Online Futures $1,660-$2,000