บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด

กลุ่ม Bank อาการเป็นยังไง...หลังประกาศงบปี 62

กลุ่ม Bank อาการเป็นยังไง...หลังประกาศงบปี 62

เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2563


หลายท่านน่าจะทราบกันดีแล้วว่าปี 2562 เศรษฐกิจไทยมีความผันผวนจากหลายประเด็น ทั้งการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน, Brexit และการเมืองภายในประเทศ ผลกระทบจากประเด็นเหล่านี้สร้างความท้าทายต่อธุรกิจหลายภาคส่วน ไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ที่ประกาศผลประกอบการปี 62 เป็นกลุ่มแรกของตลาด

เรามาดูกันก่อนว่าผลประกอบการกลุ่มธนาคารปี 62 เฉพาะใน Single Stock Futures เป็นยังไงกันบ้าง

 

จากตารางแสดงภาพรวมผลประกอบการปี 2562 กลุ่มธนาคารใน Single Stock Futures พบว่า ธนาคารใหญ่ 4 แห่งอย่าง BBL, KBANK, SCB, และ KTB มีกำไรสุทธิปี 62 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 61 แบงค์อื่นอย่าง TISCO ยังเติบโต ส่วน KKP กำไรสุทธิลดลงเล็กน้อย

BAY มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากที่สุด ทั้งนี้ BAY มีกำไรพิเศษจากการขายหุ้นของบริษัท เงินติดล้อ หากไม่รวมรายการพิเศษ BAY จะมีกำไรปกติราว 26,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% ยังเป็นตัวเลขการเติบโตที่สูงที่สุดในกลุ่มเหมือนเดิม

TMB กำไรสุทธิลดลงมากถึง 37.74% เมื่อเทียบกับปี 61 โดยมีสาเหตุจากการที่ปี 61 มีการรับรู้กำไรพิเศษจากการขาย บลจ.ทหารไทย จำนวน 1.18 หมื่นล้านบาท โดย TMB นำกำไรพิเศษดังกล่าวมาตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้นในปี 61 ทำให้การบริหารจัดการคุณภาพหนี้ของ TMB เริ่มดีขึ้น ตาม NPL ที่ลดลงจาก 2.76% มาสู่ 2.30%

ด้านกำไรสุทธิ Q4/62 พบว่าส่วนใหญ่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบแบบ YoY ส่วน SCB มีการตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มขึ้น ทำให้กำไรสุทธิ Q4/62 ลดลงจาก Q4/61 ถึง 22.27% และกระทบต่อกำไรสุทธิปี 62 ให้เติบโตเพียง 0.92% ทั้งนี้ SCB มีการเพิ่มขึ้นของ NPL อย่างมีนัยสำคัญสู่ระดับ 3.41% จาก 2.85% ในปี 61 เนื่องจากสินเชื่อด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจในปี 62 ส่งผลให้ราคาหุ้นแตะ 100 บาท ต่ำที่สุดในรอบ 8 ปี

ปัจจัยที่ต้องติดตามสำหรับกลุ่มธนาคารปี 63

นอกจากปัจจัยด้านการดำเนินธุรกิจของธนาคารแล้ว ยังมีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มผลประกอบการ และสะท้อนไปยังราคาหุ้นกลุ่มธนาคารที่เราต้องติดตาม ดังนี้

1. แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

หลายท่านน่าจะทราบกันดีว่าปี 62 ดอกเบี้ยนโยบายมีแนวโน้มขาลง เนื่องจาก ทั้ง FED ของสหรัฐฯ และ กนง. ของไทย มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย FED มีการลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง และ กนง. มีการลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ผลที่ตามมาคือ ธนาคารพาณิชย์ต่างลดอัตราดอกเบี้ยการให้สินเชื่อลง (บางธนาคารมีการลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากด้วย) ทำให้รายได้จากดอกเบี้ยของธนาคารในภาพรวมยังทรงๆ ดังนั้น เราจึงต้องติดตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากเป็นตัวกำหนดทิศทางรายได้จากดอกเบี้ยที่ถือเป็นรายได้หลักของธนาคาร หากมีท่าทีในการปรับขึ้นดอกเบี้ย จะส่งผลกระทบเชิงบวก ในทางกลับกันท่าทีปรับลดดอกเบี้ย ก็จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อกลุ่มธนาคาร

2. ความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจกระทบความต้องการใช้เงินของผู้ประกอบการ

ความผันผวนทางเศรษฐกิจเป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงให้กับผู้ประกอบการในการดำเนินธุรกิจ ยิ่งมีประเด็นการชะลอตัวของเศรษฐกิจด้วย ยิ่งทำให้ผู้ประกอบการต้องการลดความเสี่ยงของธุรกิจลง และความเสี่ยงที่สำคัญข้อนึงที่ผู้ประกอบการหลีกเลี่ยง คือ “การก่อหนี้เพิ่ม” หมายความว่า ความต้องการใช้เงินอาจมีแนวโน้มลดลงในอนาคต ซึ่งทำให้กลุ่มธนาคารมีโอกาสได้รับผลกระทบเรื่องรายได้จากดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง และกระทบต่อกำไรสุทธิของธนาคารที่มีแนวโน้มลดลงเช่นเดียวกัน

3. หนี้ครัวเรือนแตะระดับ 77% ของ GDP

ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่หลายฝ่ายกังวลกันมาตั้งแต่ปี 62 และคาดว่าจะเป็นประเด็นสำคัญกระทบต่อธุรกิจที่เป็นสถาบันการเงินในระยะยาวแน่นอน หากไม่ได้รับการแก้ปัญหา โดยผลกระทบของหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงถึง 77% ของ GDP ที่มีต่อกลุ่มธนาคาร คือ ทำให้ความต้องการกู้เงินในระบบมีโอกาสลดลงในอนาคต เมื่อความต้องการกู้เงินลดลง รายได้จากดอกเบี้ยของธนาคารก็มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ หากหน่วยงานต่างๆ หรือ ธปท. ประสบความสำเร็จในการผ่อนคลายปัญหาหนี้ครัวเรือน ก็จะส่งผลดีต่อธุรกิจธนาคารในอนาคต

คำแนะนำการซื้อขาย Single Stock Futures กลุ่มธนาคาร

หลังจากที่ได้วิเคราะห์ผลประกอบการกลุ่มธนาคาร ประกอบกับปัจจัยที่ต้องติดตามสำหรับกลุ่มธนาคารแล้ว เรามีคำแนะนำการลงทุนใน Single Stock Futures กลุ่มธนาคารอย่างไร

1. หากต้องการ Long Single Stock Futures กลุ่มธนาคาร แนะนำให้เลือกหุ้นที่มีการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิปี 62 และการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิ Q4/62 เมื่อเทียบแบบ YoY ประกอบกับตัวเลข NPL ที่ลดลง จะได้ BAY, KTB, KKP และ TISCO เข้ามาใน Watch-list

2. วิเคราะห์ภาพทางเทคนิคพบว่า KTB และ BAY อยู่ในกรอบ Sideway / ส่วน KKP และ TISCO เริ่มมีสัญญาณยกตัวเป็นขาขึ้น

3. เลือกเล่นฝั่ง Long ใน Single Stock Futures ที่มีสัญญาณขาขึ้น ได้แก่ KKP และ TISCO

- KKP กรอบการเล่น 68-70 บาท หากทะลุ 70 บาทได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 72 บาท แนะนำสะสม Long บริเวณ 68-68.50 บาท เป้าหมาย 70-72 บาท และจุด Stop Loss 67 บาท

- TISCO กรอบการเล่น 100-106 บาท แนะนำสะสม Long บริเวณ 101-102 บาท เป้าหมายทำกำไร 105-106 บาท และ จุด Stop Loss 99 บาท

 

4. ส่วนฝั่ง Short ไม่แนะนำ เนื่องจาก

1) ราคาหุ้นธนาคารหลายตัวลงมาแรง มีโอกาสรีบาวนด์กลับแรง อาจทำให้โดน Stop Loss ได้

2) แม้ว่าราคา SCB แตะ 100 บาทครั้งแรกในรอบ 8 ปี แต่ยังต้องติดตามทิศทางของราคาในลำดับต่อไป

เปิดบัญชี TFEX
รับสิทธิพิเศษทันที !!
Array
(
)
		
Array
(
    [sesCAFXXSLAT] => 1732314460
    [CAFXSI18NX] => th
    [_csrf] => f19135095a7cf8a21c910fdcb4dcfc92
    [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/what-are-the-symptoms-of-banking-groups.html
)
		
Array
(
    [content] => what-are-the-symptoms-of-banking-groups
)
		
Array
(
)