บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด

ส่องงบกลุ่มธนาคาร Q1/63 เพื่อทำกำไรใน Single Stock Futures

ส่องงบกลุ่มธนาคาร Q1/63 เพื่อทำกำไรใน Single Stock Futures

เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2563


เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เราก็ได้ทราบผลประกอบการกลุ่มธนาคารหรือกลุ่มแบงก์ไตรมาส 1 ปี 2563 (Q1/63) ไปจนเกือบทั้งหมดแล้ว (เหลือเพียง TCAP ที่ยังไม่ประกาศออกมา) วิเคราะห์เบื้องต้น พบสิ่งที่น่าสนใจหลายประการ และวันนี้เราจะวิเคราะห์ส่วนที่สำคัญของผลประกอบกลุ่มแบงก์ ให้กับนักลงทุนที่สนใจ ไม่ว่าท่านจะเป็นสาย VI ถือยาว หรือเป็นสายเก็งกำไรระยะสั้น รวมถึงกลยุทธ์การทำกำไรใน Single Stock Futures เรามีคำแนะนำอย่างไร

 

สรุปผลประกอบการกลุ่มแบงก์Q1/63

เรามาดูกันก่อนว่าผลประกอบการและกำไรสุทธิของกลุ่มแบงก์ Q1/63 เป็นอย่างไร

จากภาพ เรานำข้อมูล 2 ส่วนจากผลประกอบการกลุ่มแบงก์ที่มีความสำคัญและต้องจับตาเป็นพิเศษ ได้แก่ กำไรสุทธิและอัตราสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL)

 

1) กำไรสุทธิ ภาพรวมกำไรสุทธิของกลุ่มแบงก์ใน Q1/63อยู่ในเกณฑ์ชะลอตัวโดยมีจุดสังเกตคือ 3 แบงก์ใหญ่อย่าง BBL, KBANK และ SCB มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของกำไรสุทธิที่ชะลอตัวเมื่อเทียบแบบ YoY แต่หากเทียบแบบ QoQ จะเห็นว่า SCB โตเป็นพิเศษนั้น เกิดจากใน Q4/62 SCB มีการตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้นจำนวนมากทำให้กำไรสุทธิอยู่ในระดับต่ำ และใน Q1/63 มีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเล็กน้อยทำให้แนวโน้มกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นแบบ QoQ มากเป็นพิเศษ สวนทางกับ BBL และ KBANK ที่มีกำไรสุทธิลดลงอยู่ในเกณฑ์ชะลอตัวนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีจุดสังเกตในผลประกอบการหุ้นแบงก์ตัวอื่นๆ ดังนี้

- BAY กำไรสุทธิเมื่อเทียบแบบ YoY ลดลง 44.79% เนื่องจากใน Q1/62 มีการบุ๊คกำไรพิเศษจากการขายหุ้นบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (หากไม่รวมกำไรพิเศษ จะทำให้กำไรสุทธิของ BAY ใน Q1/62 อยู่ที่ 6,929 ล้านบาท) เมื่อนำกำไรสุทธิ Q1/63 มาเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิที่ไม่รวมกำไรพิเศษ พบว่า BAY มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 1.48%

 - TMB กำไรสุทธิเติบโตมากกว่า 157% เมื่อเทียบแบบ QoQ และ 163% เมื่อเทียบแบบ YoY เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากธนาคารธนชาตเต็มไตรมาส มีรายได้จากดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะดอกเบี้ยเช่าซื้อ

2) สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) พบว่าธนาคาร 6 แห่งที่มี NPL เพิ่มขึ้น มีสาเหตุมาจาก มาตรการต่างๆที่ออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่น การผ่อนผันการชำระหนี้และดอกเบี้ย โดยคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มแบงก์ไปจนถึง Q3/63 หรือจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายอย่างเป็นทางการ

นอกจากนี้ต้องจับตา KBANK เป็นพิเศษ เนื่องจากมีสัดส่วนสินเชื่อที่เป็น SME มากกว่า 30%และมาตรการที่ออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการและธุรกิจ SME ในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการพักการชำระหนี้ ผ่อนผันการชำระดอกเบี้ย ย่อมส่งผลต่อการรับรู้รายได้จากดอกเบี้ยของ KBANK อย่างเลี่ยงไม่ได้

โดยสรุปจากผลประกอบการกลุ่มแบงก์Q163 พบว่ามีความเสี่ยงจาก 2 ประเด็นทั้งกำไรสุทธิที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง และ NPL ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 และแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวนั่นเอง

 

แนวโน้มผลประกอบการ Q2/63 เตรียมตัวรับมือความเสี่ยงจากโควิด-19

Q2/63 จะเป็นไตรมาสที่เห็นผลกระทบจากโควิด-19 ชัดขึ้น เนื่องจากเริ่มมีการใช้มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนผันการชำระดอกเบี้ย การพักชำระหนี้ ทำให้แบงก์มีโอกาสรับรู้รายได้จากดอกเบี้ยลดลงนั่นเอง และอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้รายได้จากดอกเบี้ยและกำไรสุทธิที่มีแนวโน้มลดลง ก็คือ NPL อาจเพิ่มสูงขึ้นมากเป็นพิเศษใน Q2/63 จึงทำให้ระยะสั้นกลุ่มแบงก์น่าเป็นห่วง และไม่เหมาะสำหรับนักเก็งกำไรฝั่งขาซื้อซักเท่าไร

 

เลือกแบงก์ที่จ่ายปันผลสูงสำหรับระยะยาว ส่วนเก็งกำไรระยะสั้นน่าเล่นฝั่ง Short

มองว่ากลุ่มแบงก์มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ เป็นแหล่งเงินทุนของบริษัทต่างๆ อีกทั้งเรามีประวัติศาสตร์ไว้เรียนรู้และนำมาใช้ป้องกันความเสี่ยงมาโดยตลอดจนทำให้แบงก์มีภูมิคุ้มกันต่อวิกฤตต่างๆได้ดีขึ้น ทำให้การลงทุนกลุ่มแบงก์ในระยะยาวยังมีแนวโน้มที่ดี สำหรับผู้ที่สนใจ เราแนะนำให้เลือกแบงก์ที่มีการจ่ายปันผลสูงและสม่ำเสมอ เช่น TCAP, KKP TISCO, SCB และ BBLที่ให้ผลตอบแทนจากปันผลสูงกว่า 5% ต่อปี ทั้งนี้ นักลงทุนต้องติดตามแนวโน้มผลประกอบการอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับพอร์ทให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนใน Single Stock Futures มีมุมมองว่าการเทรดฝั่ง Short มีความได้เปรียบกว่าฝั่ง Long เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการที่ชะลอตัวลงจากผลกระทบของโควิด-19 โดยแนะนำ KBANK เป็น Top Pick ในการเล่นฝั่ง Short ของกลุ่มแบงก์ ซึ่งมีการกำหนดกลยุทธ์ดังนี้

จุดที่แนะนำให้เปิดสถานะ Short สำหรับ KBANKM20 ทั้งใน Single Stock Futures และ Block Trade ได้แก่ โซน 91-93 บาท โดยใช้ 100 บาทเป็นจุด Stop Loss และมีเป้าหมายทำกำไรแรกที่ 85 บาท ถัดไปที่ 80 บาท

อย่างไรก็ตาม อย่าลืมติดตามสถานะพอร์ทของท่านอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสถานการณ์ในตลาดหุ้นช่วงนี้มีความผันผวนอย่างมาก ด้วยความปรารถนาดีจากพวกเรา CAF ครับ

หมายเหตุ:ราคาหุ้น ณ วันที่ 23 เม.ย. 2563

เปิดบัญชี TFEX
รับสิทธิพิเศษทันที !!
Array
(
)
		
Array
(
    [sesCAFXXSLAT] => 1732315338
    [CAFXSI18NX] => th
    [_csrf] => 9ee4b5090ff0e83965b71ea23f408663
    [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/shining-bank-statements-q163.html
)
		
Array
(
    [content] => shining-bank-statements-q163
)
		
Array
(
)