เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562
นักลงทุนหลายท่านมักจะพยายามมองหาระบบเทรดหรือกลยุทธ์การลงทุนที่สามารถทำกำไรได้สูง ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิดปกติแต่อย่างใด เนื่องจากการเข้ามาในตลาดทุกคนย่อมมีความต้องการแสวงหาผลกำไรอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ไม่ถูกต้องนั้นก็คือ นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสนใจกับตัวชี้วัดที่สำคัญอื่นๆที่มีความจำเป็นต่อเสถียรภาพของการลงทุนเท่าใดนัก
การพิจารณาเพียงแค่ผลกำไรแต่เพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถอธิบายครอบคลุมคุณลักษณะของระบบเทรดได้เพียงพอ ฉะนั้นเราจึงไม่สามารถที่จะตัดสินหรือเปรียบเทียบระบบได้เพียงแค่เทียบกำไร สิ่งที่นำมาพิจาณาร่วมกับกำไรนั่งคือความเสี่ยง แล้วเราจะวัดความเสี่ยงกับผลกำไรได้อย่างไร
คำตอบนั้นก็คือเราจะใช้ Risk-Adjusted Return ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยง จริงๆแล้ว Risk-Adjusted Returns นั้นมีอยู่หลายประเภท โดยทั่วไปแล้วจะแสดงด้วยตัวเลขสามารถเปรียบเทียบกันระหว่างกลุ่มตัวอย่างได้ โดยในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับ “Sharpe Ratio” ซึ่งจะใช้ตัวชี้วัดในการปรับค่าความเสี่ยงคือ Standard Deviation (SD) หรือส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานนั่นเอง
เรามาลองทำความรู้จัก Standard Deviation : SD และความสัมพันธ์กับค่าเฉลี่ยกันก่อน ถ้าระบบมีค่าเฉลี่ยของผลกำไร 10% ไม่ได้แปลว่าผลกำไรจะต้องได้เท่ากับ 10% แน่นอน แต่ค่าจริงที่อาจเกิดขึ้นจะเกิดกระจายรอบๆค่ากลางหรือค่าเฉลี่ย ซึ่งความกว้างของการกระจายจะขึ้นกับค่า Standard Deviation เมื่อ Standard Deviation มากขึ้น จะมีการกระจายของข้อมูลมากขึ้นทำให้มีโอกาสมีค่าที่แตกต่างจากค่ากลางหรือค่าเฉลี่ยมากขึ้น
ขอยกตัวอย่างการใช้ค่า Sharpe Ratio ดังนี้ ถ้าสมมุติระบบมีระบบ2ระบบ ระบบ A มีผลกำไร 12% และระบบเทรด B มีผลกำไร 10% เนื่องจากกำไรของระบบควรหักผลตอบแทนที่ปราศจากความเสี่ยง (risk-free rate) ซะก่อน ดังนั้นจะได้กำไรจริงๆของระบบโดยให้ risk-free rate เท่ากับ 2.5%
ถ้าพิจารณาเพียงแค่กำไร อาจสรุปได้ว่าเราสามารถลงทุนในระบบ A เนื่องจากทำกำไรได้มากกว่าระบบ B แต่ถ้าเรามีข้อมูลเพิ่มขึ้นว่า ระบบ A มีค่า SD = 8% และระบบ B มีค่า SD = 2% เราก็จะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปคำนวณหาค่า Sharpe Ratio จากสูตร
สามารถสรุปค่าทางสถิติต่างๆได้ดังตาราง
จะเห็นว่าระบบ A มีค่า Sharpe Ratio = 1.19 และระบบ B มีค่า Sharpe Ratio = 3.75 ดังนั้นถ้าเราใช้ค่า Sharpe Ratio เป็นตัวตัดสินใจในการเลือกระบบเพื่อการลงทุน เราจะเลือกระบบ B เพราะมีค่า Sharpe Ratio ที่สูงกว่าระบบ A นั่นเอง
Array ( )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732219412 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => 09ddcaa7f5624af121d08dda59cd2f0c [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/return-and-risk-too.html )
Array ( [content] => return-and-risk-too )
Array ( )