เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2563
ราคาน้ำมันกลับมาเป็นความเสี่ยงให้กับหุ้นกลุ่มผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันในบ้านเราอีกครั้ง หลังจากการประชุมกลุ่ม OPEC และพันธมิตรเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา เกิดความไม่แน่นอน ลามไปสู่สถานการณ์ตึงเครียด และมีโอกาสที่จะเกิดสงครามราคาน้ำมันอีกครั้ง...เกิดอะไรขึ้นกับราคาน้ำมัน และจะมีผลต่อราคาหุ้นกลุ่มน้ำมันของไทยอย่างไร พร้อมกับแผนรับมือหากสถานการณ์แย่ลง นักลงทุนควรทำอย่างไร วันนี้ CAF จะเล่าให้ฟัง
เท้าความไปถึงช่วงที่มีการระบาดของ COVID-19 รอบแรก โลกยังไม่เคยเจอไวรัสที่ระบาดรุนแรงและรวดเร็วขนาดนี้มาก่อน ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน สิ่งที่รัฐบาลของทุกประเทศทำได้คือการใช้มาตรการควบคุมโรค หลายประเทศใช้มาตรการขั้นสูงสุด คือการ Lockdown ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก (Demand) ลดลงอย่างมาก นำมาซึ่งการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC ลง 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือน เม.ย. (ราว 8% ของกำลังการผลิตทั่วโลก) หลังจากนั้นก็เพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ส.ค. เท่ากับว่าปัจจุบัน OPEC ลดกำลังการผลิตราว 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิด COVID-19
ในการประชุม OPEC และพันธมิตรเมื่อวันที่ 30 พ.ย. เป็นการหารือกันว่ากลุ่ม OPEC จะกลับมาเพิ่มกำลังการผลิต ด้วยความที่หลายประเทศผ่อนคลายมาตรการ Lockdown และกลับมาเปิดดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตั้งแต่ Q3 ปี 63 อาจทำให้ Demand ฟื้นตัวขึ้น กลุ่ม OPEC และพันธมิตรจึงกำหนดแผนเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นราว 1.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือนมกราคมปี 64
แต่แผนเพิ่มกำลังการผลิตเกิดความไม่แน่นอนขึ้นอีกครั้ง หลังจากการระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ในหลายประเทศ บางประเทศเพิ่งระบาดรอบแรก หลายประเทศเกิดระบาดรอบ 2 และประเทศใหญ่อย่างสหรัฐฯเกิดการระบาดรอบที่ 3 มีผู้ติดเชื้อรายวันทะลุ 200,000 คน ทั้งนี้ บางประเทศในยุโรปประกาศใช้มาตรการ Lockdown อีกครั้ง ทำให้ที่ประชุม OPEC เกิดความกังวลต่อ Demand ที่ลดลง นำไปสู่ประเด็นการหารือว่า OPEC ควรเพิ่มกำลังการผลิตในเดือน ม.ค. 64 ตามแผนเดิม หรือขยายเวลาลดกำลังการผลิตออกไปอีก
ทั้งนี้ ซาอุดิอาระเบียซึ่งถือเป็นรายใหญ่ในกลุ่ม OPEC มีความเห็นว่าควรขยายเวลาลดกำลังการผลิตที่ระดับ 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปอีก 3 เดือนเพื่อรอให้สถานการณ์การระบาดของ COVID-19 คลี่คลาย ในขณะที่บางประเทศต้องการให้เพิ่มกำลังการผลิตในเดือน ม.ค. 64 เพราะได้รับความเสียหายจากการลดกำลังการผลิตมานาน และต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศตัวเอง
อย่างไรก็ตาม การประชุมกลุ่ม OPEC และพันธมิตรยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะออกมาในมุมไหน พร้อมกับเลื่อนวันประชุมออกไปเป็นวันที่ 3 ธ.ค. หากผลการประชุมออกมาในมุมของการเพิ่มกำลังการผลิต เรามองว่าเป็นผลเสียต่อราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากในปัจจุบันน้ำมันมี Demand ต่ำมาก การอัด Supply เข้ามาเพิ่มจะทำให้น้ำมันดิบมีปริมาณมากเกินไป กดดันราคาน้ำมันดิบให้ลดลง
ในทางตรงข้าม หากการประชุมมีทิศทางที่ดีขึ้น ประเทศสมาชิกเห็นควรว่าให้ขยายกำลังการผลิตออกไป จะส่งผลดีและมีโอกาสทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากนโยบายการผลิตน้ำมันดิบสอดคล้องกับ Demand ที่ลดลงนั่นเอง
ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร ย่อมส่งผลกับดัชนี SET และหุ้นกลุ่มให้ปรับตัวตามทิศทางเดียวกัน เนื่องจาก SET มีการ weight ดัชนีด้วยหุ้นกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันในสัดส่วนที่มาก แถมหุ้นที่มี Market Cap มากที่สุดของไทยก็เป็นหุ้นพลังงานและมีความเกี่ยวข้องกับน้ำมันอย่าง PTT ด้วย เราจึงคาดว่าทั้ง SET และหุ้นกลุ่มน้ำมันในไทย จะเคลื่อนไหวในทิศทางบวกหากผลการประชุมออกมามีความแน่นอนหรือออกมาในแง่ดี และทิศทางลบหากผลการประชุมเกิดความไม่แน่นอน
หากข้อสรุปออกมาในทิศทางลบต่อราคาน้ำมัน เรามีแผนรับมือเป็นคำแนะนำสำหรับนักลงทุนที่ซื้อขายหุ้นและ Single Stock Futures กลุ่มน้ำมัน โดยจะใช้มุมมองทางเทคนิคเข้ามาประกอบ และยกตัวอย่าง 2 หุ้น 2 ลักษณะการประกอบธุรกิจเป็น PTTEP หรือ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม ผู้ประกอบธุรกิจด้านการสำรวจและผลิตน้ำมัน และ TOP หรือ บมจ.ไทยออยล์ ผู้ประกอบธุรกิจด้านโรงกลั่น เนื่องจากราคาในรอบ 1 ปีที่ผ่านมามีทิศทางการเคลื่อนไหวล้อตามราคาน้ำมันดิบ
แนวรับสำคัญของราคาหุ้น PTTEP คือ 96 บาท หากผลกระทบของราคาน้ำมันไม่ทำให้ PTTEP หลุดต่ำกว่า 96 บาท แนวโน้มยังเป็นขาขึ้นอยู่ นักลงทุนที่ถือ PTTEP สามารถ Hold Long ต่อไปได้ โดยมี Stop Loss 96 บาท
ส่วนนักลงทุนที่ต้องการเปิดสถานะ เราแนะนำ Wait & See ที่ 96 บาท หากยืนได้จะแนะนำเป็นการเปิด Long แต่ถ้ายืนไม่ได้จะให้คำแนะนำเป็น Short โดยใช้ 96 บาทเป็นจุด Stop Loss
ส่วน TOP มีแนวรับสำคัญที่ 47 บาท เช่นเดียวกับ PTTEP หากราคายังไม่หลุดต่ำกว่าแนวรับนี้ สามารถ Hold สถานะ Long ต่อไปได้ โดยมี Stop Loss 47 บาท
หากต้องการเปิดสถานะใน Single Stock Futures แนะนำให้ Wait & See ที่ 47 บาท หากยืนได้เราให้คำแนะนำเป็น Long แต่ถ้าเกิดการหลุดลงมาจะแนะนำเป็น Short โดยใช้จุด Stop Loss ที่ 47 บาทนั่นเอง
หมายเหตุ: ราคาหุ้น ณ วันที่ 3 ธ.ค.
Array ( )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732581820 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => 1e89756253e10ccd611d8a92b0826788 [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/oil-stocks-with-risks-from-opec-meeting.html )
Array ( [content] => oil-stocks-with-risks-from-opec-meeting )
Array ( )