---

เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

---

ถ้าพูดถึงทองคำ แน่นอนว่า ไม่มีใครไม่รู้จัก แต่ถ้าถามว่าทองคำสำหรับคุณ มีไว้เพื่ออะไร? บางคนอาจตอบว่า มีไว้ใส่เพื่อความสวยงาม บางคนก็บอกว่า มีไว้เพื่อแสดงความมั่งคั่ง แต่ทองคำไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่นั้น เพราะสำหรับนักลงทุน ทองคำสามารถทำกำไรได้อีกด้วย

การทำกำไรจากทองคำนั้นมีหลายวิธี แต่ในวันนี้จะขอเล่าให้ฟังแค่หนึ่งวิธีก่อน ซึ่งก็คือ การทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ เรียกกันว่า Futures เป็นตราสารทางการเงินชนิดหนึ่ง ซึ่งก็คือ Gold Futures หรือสัญญาการซื้อขายทองคำล่วงหน้า

• ประเภทของ Gold Futures ในตลาด TFEX

ก่อนที่จะเข้าสู่วิธีการทำกำไร ต้องบอกก่อนว่า ลักษณะของทองใน Gold Futures ที่มีการเปิดให้ซื้อขายกันที่ตลาด TFEX:Thailand Futures Exchange นั้น มี 3 ชนิด คือ

1. สัญญาซื้อขายทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 96.5% หรือ Gold Futures (GF)

ซึ่งทองคำ 96.5% นี้จะมีการแบ่งขนาดของสัญญาเป็น ทองคำหนัก 10 บาท กับทองคำหนัก 50 บาท แต่ที่นิยมเทรดกันมากที่สุดจะเป็น GF10 หรือสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าทองคำแท่งบริสุทธิ์ 96.5% น้ำหนัก 10 บาท

2. สัญญาซื้อขายทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 99.9% หรือ Gold-D (GD) น้ำหนัก 100 กรัม

3. สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) ที่อ้างอิงทองคำความบริสุทธิ์ 99.5% ซึ่งเป็นมาตรฐานทองคำในระดับสากล (International Trading Standard)

แต่แน่นอนว่าการลงทุนนั้นต้องมีค่าใช้จ่ายหรือเงินลงทุนนั่นเอง สำหรับ Futures นั้น เราจะต้องวางเงิน Margin

• Margin คือะไร

การซื้อขาย TFEX นั้นจะไม่ต้องชำระราคาสินทรัพย์เต็มมูลค่าเหมือนกับการซื้อขายหุ้น แต่จะวางเพียงแค่เงินหลักประกันส่วนหนึ่งหรือเงิน Margin นั้นเอง

ซึ่ง เงิน Margin หรือ หลังประกัน สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ

1.Initial Margin : IM (หลักประกันขั้นต้น)  เป็นหลักประกันที่นักลงทุนต้องนำเงินส่วนหนึ่งมาวางไว้กับบริษัทผู้ให้บริการเพื่อการซื้อขาย TFEX  ซึ่งจำนวนเงินของหลักประกันขั้นต้นนั้น จะแตกต่างกันออกไปตามสินค้านั้นๆ โดยถูกจำนวนเงินของหลักประกันขั้นต้นจะถูกกำหนดโดยตลาดซื้อขายล่วงหน้า

2.Maintenance Margin : MM (หลักประกันรักษาสภาพ)  เป็นหลักประกันที่เปรียบเสมือนระดับยอดเงินคงเหลือต่ำสุดของเงินหลักประกัน (70% ของ IM) หากยอดเงินคงเหลือของหลักประกันลดต่ำกว่าระดับนี้ นักลงทุนจะถูกเรียกให้วางเงินประกันเพิ่ม (Margin Call) โดยต้องวางเพิ่มให้กลับไปเท่ากับ IM ในครั้งแรก

3.Force Margin : FM (หลักประกันปิดสถานะ)  เป็นระดับหลักประกันที่ต่ำที่สุด (30% ของ IM) ในกรณีที่นักลงทุนถูกเรียก Margin Call แล้วยังไม่นำเงินมาวางภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยจะปิดสถานะที่นักลงทุนถืออยู่เพื่อให้หลักประกันคงเหลือไม่ต่ำไปว่าระดับ FM

• การเก็งกำไรทองจะขึ้นจะลงในอนาคต

และก็มาถึงส่วนสำคัญที่สุด นั่นก็คือการเก็งกำไร การเก็งกำไรของอนุพันธ์หรือฟิวเจอร์สนั้นต่างจากหุ้นตรงที่ว่า ในเรื่องของหุ้น เรารอให้ราคาหุ้นตกเพื่อซื้อหุ้นราคาถูก และคาดว่าราคาจะขึ้น เพื่อขายทิ้งและรับส่วนต่างเป็นกำไร

แต่ Futures นั้นไม่ว่าทิศทางของสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying Assets) จะเป็นอย่างไร ถ้าหากคาดการณ์ได้ถูกต้อง เราจะสามารถทำกำไรได้ พูดแค่นี้ก็อาจจะงง เลยขอยกตัวอย่างแบบง่ายๆ ดังนี้

ถ้าคิดว่าราคาทองจะขึ้นในอนาคต แสดงว่า ถ้าเราซื้อตอนนี้ เราจะได้ของถูกและขายได้ในราคาแพงในอนาคต ดังนั้นเราจึงทำการเปิดสถานะซื้อ (open long) และเมื่อราคาขึ้นจึงทำการปิดสถานะการซื้อด้วยการขาย (short close) 

กลับกันถ้าคิดว่าราคาทองจะลงในอนาคต แสดงว่า ถ้าเราขายตอนนี้ เราจะได้ของแพงและขายได้ในราคาถูกในอนาคต ดังนั้นเราจึงทำการเปิดสถานะขาย (open short) และเมื่อราคาลงจึงทำการปิดสถานะการขายด้วยการซื้อ (long close)

• ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ

การตัดสินใจเลือกลงทุนในฟิวเจอร์สทองคำนั้น ต้องศึกษาให้ดีและละเอียด เพราะถึงแม้ฟิวเจอร์สนั้น จะมีโอกาสได้ผลตอบแทน แต่ก็มีความเสี่ยงสูงพอสมควร จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเข้าใจปัจจัยต่างๆที่ส่งผลต่อราคาทอง

1. นโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ย

มีความสัมพันธ์แบบผกผันกับราคาทองคำ หากปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้น แสดงว่าเศรษฐกิจเริ่มดี ความเชื่อมั่นเริ่มมากขึ้น ค่าเงินดอลลาร์จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง ในทางตรงกันข้ามหากปรับดอกเบี้ยนโยบายลง แสดงว่าเศรษฐกิจเริ่มแย่ ความเชื่อมั่นเริ่มลดลง ค่าเงินดอลลาร์จะปรับตัวลดลง ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น

2. ราคาน้ำมัน

เป็น ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าค่อนข้างมากซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เกิดเงินเฟ้อ โดยเงินเฟ้อกับราคาทองคำนั้นเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันในระยะยาว ราคาน้ำมันมีความสัมพันธ์แบบเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับราคาทองคำ

หากราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น เงินเฟ้อก็จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัว เพิ่มสูงด้วยในทางตรงกันข้ามถ้าหากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง เงินเฟ้อก็จะลดลง ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง ตาม

3. ค่าเงินดอลลาร์

เนื่องจากเงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินที่มีการใช้กันมาก และเป็นสื่อกลางในการซื้อขาย ทำให้ค่าเงินดอลลาร์มีความผกผันกับราคาทอง

การที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ส่งผลดีกับราคาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่สามารถเก็บมูลค่าทำให้กระแสเงินของแต่ละประเทศต่างไหลเข้าสู่ทองคำส่งผลให้ทองคำมีราคาเพิ่มสูงขึ้น ในทางตรงกันข้ามหากเงินดอลลาร์แข็งค่า ส่งผลต่อราคาทองโดยนักลงทุนจะหันมาใช้จ่ายหรือลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์แทน ส่งผลให้ราคาทองคำลดลง

4. Demand supply

อุปสงค์ (Demand) คือ ความต้องการใช้ทองคำนั้น ส่วนใหญ่มาจาก 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ภาคเครื่องประดับ,ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการแพทย์,ภาคการลงทุนรวมถึงการที่ภาครัฐของประเทศต่างๆ มีการนำทุนสำรองไปซื้อทองคำมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากการกระจุกตัวอยู่ในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เช่นจีน อินเดีย ที่มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว

ถ้าหากมีความต้องการซื้อทองคำสูง จะส่งผลให้ราคาทองสูงขึ้นด้วย ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีความต้องการซื้อทองต่ำ ราคาทองก็จะลดต่ำลงเช่นกัน

ส่วนอุปทาน (Supply) นั้น คือ ความต้องการขายทองคำส่วนใหญ่มาจาก 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ ผลผลิตทองคำจากเหมืองทอง แรงขายจากธนาคารกลางประเทศต่างๆ และปริมาณทองคำเก่าที่หมุนเวียนอยู่ในระบบ

ถ้าหากมีความต้องการขายทองคำสูง ราคาทองจะลดต่ำลง แต่ถ้าหากมีความต้องการขายต่ำ ราคาทองก็จะสูงขึ้น ตามหลักทางเศรษฐศาสตร์

• ขั้นตอนการทำสัญญา Futures

ในส่วนของขั้นตอนการทำสัญญาฟิวเจอร์สนั้น มีง่ายๆเพียงแค่ 4 ขั้นตอน

เปิดบัญชี TFEX กับ CAF

1. ติดต่อโทรหาโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ หรือโทร 02-618-0630

2. เปิดบัญชี โดยวางเงิน Margin หรือหลักประกันตามที่ตลาดกำหนดไว้

3. ทุกสิ้นวัน ระบบจะทำการสรุปราคาปิด เพื่อคำนวนกำไรขาดทุน

4. หมั่นตรวจสอบสถานะและติดตามข้อมูล เพื่อใช้ในการตัดสินใจต่อไป

จะได้เห็นไปแล้วว่า ขั้นตอนการทำสัญญานั้นไม่ยากเลย ส่วนที่ยากก็มีเพียงแค่ การศึกษาหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น เพราะการได้รับผลตอบที่สูง ก็จะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงด้วยเช่นกัน

หลายๆคนที่ยังไม่เคยลองลงทุนในฟิวเจอร์สมาก่อน อาจจะมีความกังวลว่า จะโดนโกงมั้ย ทำแล้วจะได้เงินจริงรึเปล่า แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะในตลาด TFEX มีตัวกลางทางการเงินที่น่าเชื่อถืออย่าง "สำนักหักบัญชี" ทำให้ไม่ต้องกลัว ถ้าคิดถูกลงทุนถูก ยังไงก็ต้องได้รับเงินอยู่แล้ว