CAFUPDATE ประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2565

---

เผยแพร่เมื่อ วันอังคารที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2565

---

ยูโรโซนอาจเกิดเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้

โดยผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ของบลูมเบิร์กเปิดเผยว่า ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจยูโรโซนจะถดถอยพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2563 เนื่องจากการขาดแคลนพลังงาน ผลักดันให้เงินเฟ้อยูโรโซนสูงเป็นประวัติการณ์ และเศรษฐกิจยูโรโซนจะถดถอยจะทำให้การผลิตหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน ทั้งนี้ค่าครองชีพกำลังเพิ่มสูงขึ้นและกระทบต่อบริษัทและครัวเรือนในยุโรป โดยปัญหาพลังงานของรัสเซียจะรุนแรงขึ้นจนถึงช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2565 นอกจากนี้ ปัญหาคอขวดอุปทานกำลังเลวร้ายลงอีกจากภัยแล้งรุนแรง ซึ่งทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำทั่วยุโรปลดลงในฤดูร้อนนี้

ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจยูโรโซนจะถดถอยกดดันค่าเงินยูโรและส่งให้ดอลลาร์แข็งและกดราคาทองคำ

 

GDP Q2/65 ของไทยน้อยกว่าคาด

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ ประกาศ GDP Q2/65 ของไทยแตะ 2.5% น้อยกว่าคาดที่ 3.1% โดยปัจจัยที่ทำให้ GDP Q2/65 ขยายตัวจาก 2 อย่างได้

1.ภาคบริการขยายตัวรับการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญ และ 2.การใช้จ่ายทั้งเอกชนและรัฐ ขยายตัว 6.9% และ 2.4% ตามลำดับ

ทั้งนี้เศรษฐกิจในปี 65 ต้องจับตา

 1. ความเสี่ยงจากการชะลอตัวมากกว่าที่คาดของเศรษฐกิจโลก และความผันผวนในตลาดการเงินโลก โดยมีเงื่อนไขความเสี่ยงที่ต้องติดตามและประเมินอย่างใกล้ชิด ประกอบด้วย 1) ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน, ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน-ไต้หวัน 2) แนวโน้มการดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข้มงวด โดยการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แรงและเร็วของธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ

2. ภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง ท่ามกลางแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของภาระดอกเบี้ย และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูง ขณะเดียวกัน ตลาดแรงงานยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการระบาดของโควิด

3. ความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการระบาดของโรคฝีดาษลิง (Monkeypox)

4. ความเสี่ยงจากสถานการณ์อุทกภัย โดยยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดพายุขึ้นในช่วงปลายฤดูฝน ซึ่งจะนำไปสู่สถานการณ์อุทกภัย และส่งผลกระทบทั้งในพื้นที่การเกษตร พื้นที่อุตสาหกรรม และที่อยู่อาศัยของประชาชน