เผยแพร่เมื่อ วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2565
สภาผู้ส่งออก มองส่งออกปีนี้มีลุ้นโตแตะ 8%
โดยนายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เปิดเผยว่า ภาวะการส่งออกในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ส.ค.65) ขยายตัวได้กว่า 11% ส่วนช่วงอีก 4 เดือนที่เหลือ (ก.ย.-ธ.ค.65) ถึงแม้ว่าการส่งออกจะไม่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเลย การส่งออกของปีนี้ก็ยังขยายตัวได้ถึง 7% แต่หากช่วง 4 เดือนที่เหลือสามารถส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 24,300 ล้านเหรียญสหรัฐ จะทำให้การส่งออกในปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8% จากเป้าหมายที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ที่ 6-8% ซึ่งในครั้งต่อไปน่าจะเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงที่เป็นอุปสรรคสำคัญ ได้แก่
1.สถานการณ์อัตราเงินเฟ้อของประเทศคู่ค้าสำคัญทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะประเทศสหรัฐฯ ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ดำเนินนโยบายทางการเงินแบบเข้มงวดด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมเงินเฟ้อส่งผลให้
1.1.เศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกามีความเสี่ยงต่อการชะลอตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ ก่อให้เกิดความกังวลต่อนักลงทุนและคู่ค้ากับสหรัฐฯ
1.2 อัตราผลตอบแทนในการถือเงินดอลลาร์สูงขึ้น อุปสงค์เงินดอลลาร์มากขึ้น ค่าเงินดอลลาร์จึงเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าอย่างรวดเร็ว และส่งผลต่อเนื่องถึงสกุลเงินอื่นๆ ทั่วโลก (Currency baskets) ให้ปรับตัวอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในทางกลับกันไทยอาจเสียเปรียบจากการส่งออกไปยังตลาดอื่นที่มีค่าเงินอ่อนค่ากว่า โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคาของไทยลดลง
2.ราคาพลังงานทรงตัวในระดับสูงจากสถานการณ์ข้อพิพาทระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ยังคงยืดเยื้อ ปริมาณน้ำมันคงคลังของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง ประกอบการปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้า (FT) ภายในประเทศส่งผลต่อเนื่องถึงต้นทุนภาคการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและต้นทุนในการดำรงชีวิตภาคครัวเรือน ปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก
3.ปัญหาต้นทุนวัตถุดิบขาดแคลนและราคาผันผวน อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) , เหล็ก, ธัญพืช เช่น ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ข้าวโพด เมล็ดทานตะวัน แป้งสาลี อาหารสัตว์ ปุ๋ย เป็นต้น
โดย สรท.มีข้อเสนอแนะที่สำคัญ ได้แก่
1.ควรเร่งส่งออกในช่วงค่าเงินบาทอ่อน แต่ต้องติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด รวมถึงพิจารณาการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงให้เหมาะสม
2.ด้านพลังงานและต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น
2.1 ขอให้ภาครัฐช่วยรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศให้อยู่ระดับที่เหมะสม เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการและผู้บริโภคมากเกินไป โดยอยากให้ขยายมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกินลิตรละ 35 บาทไปจนถึงสิ้นปี
2.2 ขอให้ภาครัฐช่วยพิจารณาควบคุมหรือปรับขึ้นค่าไฟฟ้า (FT) ทั้งในภาคการผลิตและภาคครัวเรือน แบบค่อยเป็นค่อยไป
3.ขอให้เร่งแก้ไขปัญหากฎระเบียบด้านการถ่ายลำ (Transshipment) เพื่อดึงดูดเรือแม่เข้ามาให้บริการแบบ Direct Call ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการรับส่งสินค้า รวมถึงสามารถบริหารจัดการต้นทุนค่าระวางเรือให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในต่างประเทศได้
"สองปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การส่งออกปีนี้ขยายตัวได้เกิน 8% คือ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีน รวมถึงการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ในวันที่ 16 ต.ค.65 จะมีนโยบายทางเศรษฐกิจอข่างไร กับเรื่องปัญหาขาดแคลนชิปคลี่คลาย" นายชัยชาญ กล่าว
สำหรับกรณีเงินบาทอ่อนค่านั้นคงจะไม่ช่วยให้ไทยได้เปรียบเรื่องการแข่งขัน เพราะค่าเงินในภูมิภาคปรับตัวอ่อนค่าเช่นกัน โดยคาดว่าเงินบาทในช่วงไตรมาส 4 จะอยู่ที่ระดับ 37.0-38.50 บาท/เหรียญสหรัฐ แต่มีความเป็นไปได้ที่เงินบาทจะปรับตัวอ่อนค่าไปมากกว่านี้ ขณะที่การส่งออกในหมวดอาหารจะได้รับโอกาสจากวิกฤตอาหารโลก
นายสุภาพ สุวรรณพรวิมล รองประธาน สรท. กล่าวว่า ทุกครั้งที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% จะส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าราว 1 บาท/เหรียญสหรัฐ เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่า ดังนั้นในช่วงปลายปีนี้หากเฟดมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกเชื่อว่าจะมีโอกาสได้เห็นเงินบาทอ่อนค่าแตะ 39 บาท/เหรียญสหรัฐ
Ray Dalio เปลี่ยนมุมมองของ “เงินสด”
Ray Dalio นักลงทุนมหาเศรษฐีที่มองว่า 'เงินสดเป็นขยะ' กำลังเปลี่ยนมุมองว่า เงินสดไม่ได้เป็นขยะอีกต่อไป หาก FED ยังส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย และลดงบดุลต่อ
ก่อนหน้านี้ Ray Dalio กังวลว่าการถือเงินสดจะโดนเงินเฟ้อกิน แต่ในปี 2565 ดอลลาร์แข็งค่าถึง 17% เป็นระดับแข็งค่าที่สุดในรอบ 20 ปี และ FED ได้สัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในปี 2565 แตะ 4.25% และปี 2566 ดอกเบี้ยแตะ 4.5% และการส่งสัญญาณของ Ray Dalio มีโอกาสส่งให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งและกดราคาทองคำ
ยิงมายิงกลับไม่โกง
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา(4 ต.ค. 65 ) เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธตัดผ่านน่านฟ้าญี่ปุ่น บินไกล 4,500 กม.ก่อนตกมหาสมุทรแปซิฟิก
ซึ่งวันนี้( 5 ต.ค. 65) กองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐฯยิงขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้ ATACMS ฝ่ายละ 2 ลูกลงสู่ทะเล ได้สร้างความตึงเครียดเพิ่มในพื้นที่คาบสมุทรเกาหลี และเพื่อตอบโต้ที่เกาหลีเหนือทดสอบยิงขีปนาวุธข้ามประเทศญี่ปุ่น โดยการทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลของเกาหลีเหนือส่งผลให้นานาประเทศออกมาประณามเป็นอย่างมาก
โดยเกาหลีใต้และสหรัฐยิงขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้ ATACMS ฝ่ายละ 2 ลูกลงสู่ทะเล ได้สร้างความตึงเครียดเพิ่มในพื้นที่คาบสมุทรเกาหลี
Array ( )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1733302102 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => 9034f57419d69e134f88c2155a3e1902 [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/caf-update-05-10-65.html )
Array ( [content] => caf-update-05-10-65 )
Array ( )