เผยแพร่เมื่อ วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2565
กลุ่มธนาคารมีหนาว หลังธปท.ห่วงหนี้ครัวเรือนพุ่ง เตรียมออกเกณฑ์คุมแบงก์
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพด้านสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.มีความเป็นห่วงปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นในช่วงวิกฤติโควิด ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่กว่า 80% ของจีดีพี จากช่วงก่อนโควิดหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ระดับ 50% ของจีดีพี ทั้งนี้ จากการติดตามข้อมูลของ ธปท. พบว่า สัดส่วนหนี้ดังกล่าว 35% เป็นหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือบัตรเครดิต ไม่ใช่สินเชื่อธุรกิจ สินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต ซึ่งได้วางแนวทางการแก้ไขหนี้ครัวเรือน ไว้ 3 แนวทาง คือ 1.การแก้ไขหนี้ในปัจจุบัน หรือการลดหนี้ 2.การปล่อยสินเชื่อให้มีคุณภาพ และ 3.การให้ความรู้ทางการเงินแก่ประชาชน
ภายในไตรมาส 1/66 ธปท.เตรียมออกประกาศ หรือหนังสือเวียน ถึงสถาบันการเงินและผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) เพื่อเป็นแนวทางการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล หรือบัตรเครดิต ที่เป็นลักษณะการโฆษณาผ่านแคมเปญต่างๆ หรือ เรียกว่า โฆษณาเพื่อกระตุกพฤติกรรมการใช้จ่าย สำหรับสถาบันการเงินภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว เชื่อว่า จะส่งผลดีในระยะยาว และลดการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นของภาคครัวเรือนลง
การออกหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะต้องไม่เป็นปัญหาในการก่อหนี้ในระยะยาว แต่จะลดรายได้ของกลุ่มธนาคารลงไปด้วย
เครดิตสวิสร่วง 8% นักลงทุนกังวลเป็น Lehman Brothers 2
หุ้นเครดิตสวิสร่วงลงเกือบ 8% ในวันจันทร์ เพราะนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับธนาคารที่ประสบปัญหาการล่มสลายของ Lehman Brothers หลังคณะผู้บริหารของเครดิตสวิสได้พยายามในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของเครดิตสวิสมีขึ้นภายหลังที่ค่าสเปรดสัญญาสวอปการผิดนัดชำระหนี้ (Credit Default Swap: CDS) เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากในวันศุกร์ที่ 30 ก.ย. จนสร้างความวิตกกังวลในกลุ่มนักลงทุน โดย CDS เป็นตราสารอนุพันธ์ประกันการผิดนัดชำระหนี้ที่เจ้าหนี้ซื้อกับสถาบันการเงินที่เป็นบุคคลที่ 3 เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเบี้ยวหนี้ของลูกหนี้
ทั้งนี้เครดิตสวิสได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า บริษัทกำลังดำเนินการทบทวนกลยุทธ์ ซึ่งรวมถึง การถอนทุนบริษัทและขายสินทรัพย์ โดยคาดการณ์ว่าจะมีการประกาศในวันที่ 27 ต.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่เครดิตสวิสเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2565
ราคาน้ำมันบวกแรง รับนักลงทุนเก็ง OPEC+ ลดการผลิต
เมื่อคืนราคาน้ำมันดิบ Brent +3.95% และWTI +4.58% นักลงทุนคาดหวังในวันพุธที่ 5 ตุลาคม 2565 จะเกิดการประชุม OPEC+ โดยคาดว่า OPEC+ มีแผนลดการผลิตน้ำมันราว 5 แสน ถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน มีเป้าหมายดันราคาน้ำมันดิบ หลังจากราคาน้ำมันดิบลดลงต่ำที่สุดในรอบ 9 เดือน เพราะกังวลเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย กดความต้องการน้ำมันลง
แผนลดการผลิตน้ำมันรอบนี้มองเป็นปัจจัยบวกต่อพลังงานระยะสั้น เนื่องจากปัจจัยสำคัญที่กดเศรษฐกิจทั่วโลก คือ การขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารทั่วโลก คาดส่งผลต่อหุ้นกลุ่มพลังงานระยะสั้นๆ
Array ( )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1733301780 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => 960aaf63d95ff4c16f8be70b569916d0 [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/caf-update-04-10-65.html )
Array ( [content] => caf-update-04-10-65 )
Array ( )