เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563
กลับมาเป็นไฮไลท์ที่นักลงทุนต้องจับตาอีกครั้ง สำหรับหุ้น BEAUTY หรือ บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ ที่ราคาพุ่งแตะ Ceiling ในวันอังคารที่ 29 ก.ย. 63 โดยได้รับปัจจัยบวกจากการที่ ศบค. เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6 กลุ่มเข้ามาในประเทศไทย ซึ่ง BEAUTY เป็นหนึ่งในหุ้นที่มีรายได้จากจีนจำนวนมาก ดังนั้น การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจึงส่ง Sentiment บวกต่อหุ้น BEAUTY รวมถึงหุ้นที่เกี่ยวกับเครื่องสำอางตัวอื่นด้วย
คำถามที่ตามมา คือ BEAUTY ได้รับปัจจัยบวกจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากแค่ไหน? เบื้องต้น ต้องบอกว่าสินค้าของ BEAUTY มีรายได้จากการขายผ่านช่องทางต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนราว 27.57% ของรายได้รวมในปี 2562 ซึ่งคำนวณเฉพาะส่วนที่ขายส่งผ่านตัวแทนในต่างประเทศเท่านั้น ไม่ได้รวมกับยอดขายที่เกิดขึ้นจากการที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาซื้อสินค้าของ BEAUTY ในประเทศไทย แต่ก็บ่งบอกได้ถึงความต้องการซื้อสินค้าของ BEAUTY จากต่างชาติมีมากพอสมควร และแน่นอนว่าส่วนใหญ่มาจากจีน
ผลที่ตามมาจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ น่าจะส่งสัญญาณบวกเชิง Sentiment ต่อราคาหุ้น BEAUTY ไปได้ระยะนึง แต่ในด้านธุรกิจ เรายังเห็นว่า BEAUTY มีปัจจัยเฉพาะตัวที่ต้องติดตามหรืออาจเป็นความเสี่ยงต่อธุรกิจ ดังนี้
1. กำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถึงแม้ว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเป็นสัญญาณที่ดีต่อการกลับมาของหุ้น BEAUTY แต่สิ่งที่เราต้องติดตามมากกว่านั้น คือ กำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาว่าเป็นอย่างไร และโยงไปถึงรายได้ที่สร้างให้กับ BEAUTY ด้วย ซึ่งต้องไปลุ้นกันกับผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 63 (Q4/63) ที่จะประกาศช่วงเดือน ก.พ. 64 เลยทีเดียว
2. การแข่งขันภายในธุรกิจเครื่องสำอางและสุขภาพ ถือเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง และเป็นตลาดที่มีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์หรือ E-Commerce ถ้านับเฉพาะผู้เล่นที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นอกจาก บมจ.ดู เดย์ ดรีม (DDD) และบมจ.คาร์มาร์ท (KAMART) ซึ่งเป็นผู้เล่นเดิมแล้ว ยังมี บมจ.อาร์เอส (RS) ที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของตลาดนี้ด้วย สังเกตจากรายได้ที่ขยายตัวต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้าสู่ธุรกิจนี้ และราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสะท้อนการเติบโตของ RS
3. การขยายธุรกิจ E-Commerce ด้วยความที่ Lifestyle ของคนในปัจจุบัน มีการซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น จึงทำให้ BEAUTY ต้องการขยายแพลทฟอร์ม E-Commerce มากขึ้น นักลงทุนที่สนใจหุ้น BEAUTY ต้องติดตามพัฒนาการส่วนนี้ของบริษัทด้วย โดยติดตามจากรายได้จากช่องทาง E-Commerce ว่ามีแนวโน้มอย่างไร
สรุปปัจจัยพื้นฐานที่ต้องติดตาม เราประเมินได้ว่า BEAUTY ยังมีความเสี่ยง ทั้งสภาพการแข่งขันในตลาด และกำลังซื้อของจีนที่ยังมีความไม่แน่นอน ส่วนปัจจัยลบระดับมหภาคที่มีโอกาสเข้ามาอีกก็คือ ความไม่แน่นอนของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ที่อาจทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัว กำลังซื้อหดหายไป โดยเฉพาะตลาดใหญ่อย่างจีน ซึ่งมีโอกาสกระทบกับรายได้ของ BEAUTY อย่างที่เคยเกิดขึ้นในปี 2561-2562 ที่รายได้และกำไรสุทธิลดลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ราคาหุ้นดิ่งจากจุดพีคบริเวณ 23 บาท ลงมาเหลือหลักเดียวจนกระทั่งปัจจุบันที่มีราคาเพียง 1.45 บาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อวิเคราะห์แนวโน้มทางเทคนิค เริ่มเห็นสัญญาณบางอย่างที่ไม่ค่อยสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานเท่าไรนัก เพราะการที่ราคาหุ้น BEAUTY พุ่งชนซิลลิ่ง ณ ราคา 1.32 บาท และบวกต่ออีก 11% ทดสอบแนวต้าน 1.50 บาทในวันถัดมา พร้อมปริมาณซื้อขายจำนวนมาก ส่งสัญญาณบวกให้กับราคาหุ้น BEAUTY เราจึงมีคำแนะนำสำหรับนักลงทุนที่สนใจซื้อขาย Single Stock Futures ของ BEAUTY ดังนี้
ราคาหุ้น BEAUTY สามารถทะลุแนวต้านบริเวณ 1.39 บาทได้พร้อมปริมาณซื้อขายจำนวนมาก ส่งสัญญาณขาขึ้นระยะสั้น แต่เราแนะนำให้จับตา หากมีการย่อลงมาทดสอบ 1.39 บาทอีกครั้งเพื่อรอคอนเฟิร์มการเป็นขาขึ้นของ BEAUTY อย่างเต็มตัว จึงแนะนำ Wait & See บริเวณใกล้ๆ 1.39 บาท หากยืนได้ เราแนะนำเปิดสถานะ Long และแนะนำการเปิดสถานะ Short หากไม่สามารถยืนได้ โดยใช้จุด Stop Loss เดียวกันคือ 1.39 บาทนั่นเอง
หมายเหตุ: ราคาหุ้น ณ วันที่ 30 ก.ย. 63
Array ( )
Array
(
[sesCAFXXSLAT] => 1732323181
[CAFXSI18NX] => th
[_csrf] => 78313f603fce30257f6c8d26389841a7
[CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/beauty-rush-01102020.html
)
Array
(
[content] => beauty-rush-01102020
)
Array ( )