BH ถูก BDMS เทขาย...ควรเล่นฝั่ง Long หรือ Short

เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ถือเป็น Talk of the town ประจำสัปดาห์สำหรับข่าว BDMS หรือ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ ประกาศขายหุ้น BH หรือ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ออกจากพอร์ต ซึ่งก่อนหน้านี้ BDMS ได้ทำการลงทุนและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วยจำนวนกว่า 180.7 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 22.71% ของจำนวนหุ้นที่ BH ออกจำหน่ายทั้งหมด

วันนี้เราจะโฟกัสไปที่ทิศทางของ BH หลังจากถูก BDMS ขายหุ้น มีปัจจัยติดตามอะไรบ้างต่อจากนี้ เพื่อจับจังหวะการลงทุนใน Single Stock Futures ของ BH ว่าควร Long หรือ Short ... แต่ก่อนอื่น เรามาดูรายละเอียดการขายหุ้น BH ก่อนว่าเป็นอย่างไร

BDMS เปิดเผยว่าจะขายเงินลงทุนในหุ้น BH ผ่านกระดาน Big Lot (กระดานซื้อขายรายใหญ่) แบ่งออกเป็น 2 ช่วงด้วยกัน คือ

ขายหุ้นจำนวน 90.5 ล้านหุ้น ที่ราคา 103 บาทต่อหุ้น มูลค่าประมาณ 9,321.5 ล้านบาท ภายในวันที่ 26 พ.ย. 63 หลังจากทำรายการนี้แล้วจะทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้น BH ของ BDMS เหลือ 11.34%
คาดว่า BDMS จะขายหุ้นอีก 90.2 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 11.34% ภายในเดือน ธ.ค. 63

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากการประกาศขายเงินลงทุนในหุ้น BH ออกจากพอร์ตของ BDMS ในเช้าวันอังคารที่ 24 พ.ย. ด้วยราคา 103 บาทซึ่งต่ำกว่าราคาปิดที่ 123.50 บาท ถึง 16% กดดันให้เกิด Sentiment ลบต่อราคาหุ้น BH จึงเปิดตลาดในตอนเช้าที่ 117 บาท และปิดสิ้นวันที่ราคา 115 บาทหรือลดลง -6.88%

ด้าน BDMS เองก็ไม่น้อยหน้า เพราะแทนที่นักลงทุนจะรับรู้ข่าวการขายหุ้นครั้งนี้ในเชิงบวก เพราะการขายหุ้นออกไปเพื่อบริหารพอร์ตนั้น จะทำให้ BDMS มีเงินสดในมือเพิ่มขึ้น...แต่ไม่เลย นักลงทุนกลับมองว่า BDMS มีแนวโน้มเสียผลประโยชน์ในการรับรู้รายได้ส่วนแบ่งจากการลงทุนในอนาคตลดลง ทำให้ราคาหุ้น BDMS ปรับตัวลดลงมาปิดที่ 22.50 บาทหรือลดลง -2.17% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า

ทั้งนี้ การที่ BDMS ขายหุ้น BH ออกจากพอร์ต เกิดขึ้นหลังจาก BDMS ยกเลิกการทำคำเสนอซื้อกิจการของ BH เมื่อเดือน ส.ค. 63 โดยให้เหตุผลในเรื่องการระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าการขาย BH ออกจากพอร์ต เป็นการขายเพื่อทำให้ BDMS มีสภาพคล่องมากพอที่จะรองรับผลกระทบของ COVID-19

อีกสาเหตุที่คาดว่าทำให้ BDMS ขายหุ้น BH คือผลกระทบจาก COVID-19 ที่ทำให้ผลการดำเนินงาน BH แย่ลงมากเมื่อเทียบกับปี 62 เนื่องจากการปิดเส้นทางการบินระหว่างประเทศ ส่งผลให้ผู้ป่วยชาวต่างชาติซึ่งเป็นรายได้หลักของ BH เข้ารับการรักษาพยาบาลน้อยลง สังเกตได้จากสัดส่วนรายได้ระหว่างผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติที่เปลี่ยนไป จากเดิมอัตราส่วนรายได้ผู้ป่วยชาวไทยต่อชาวต่างชาติ 30:70 ในปี 62 เปลี่ยนเป็นอัตราส่วน 56:44 ในปี 63

สิ่งที่ต้องติดตามหลังจากนี้ คือ ดีลการขายหุ้น BH จะจบอย่างไร ตามด้วยเรื่องการดำเนินงานของ BH หลังจาก BDMS ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะมีทิศทางการทำธุรกิจอย่างไร ส่วน BDMS การขายหุ้นออกย่อมทำให้มีเงินสด ซึ่งเป็นสภาพคล่องในมือมากขึ้น ทางเลือกของ BDMS ต่อจากนี้ได้แก่ การอุดรูรั่วหรือขยายธุรกิจเดิม หรือไม่ก็หาธุรกิจดีๆเพื่อนำเงินไปลงทุนต่อ

หากวิเคราะห์มุมมองทางเทคนิค พบว่าทิศทางราคาของ BH เป็นขาขึ้น มีกรอบแนวรับ-แนวต้านกว้างๆที่ 105-125 บาท การปรับตัวลงรับข่าวการขายหุ้นไม่ได้ส่งผลให้ราคาหุ้นเสียทรงขาขึ้น และหากราคาหุ้นไม่หลุดต่ำกว่า 105 บาทจะเป็นการคอนเฟิร์มความแข็งแกร่งของขาขึ้นได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ นักลงทุนที่สนใจซื้อขาย Single Stock Futures สามารถเปิดสถานะ Long ได้บริเวณ 110 บาท กำหนดให้ 105 บาทเป็นจุด Stop Loss ณ สิ้นวัน และมีเป้าหมายการทำกำไรที่ 120-125 บาท