บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด

หุ้นน่าช้อป หลัง GDP Q1/66 ไทย ขยายตัว 2.7%YoY

หุ้นน่าช้อป หลัง GDP Q1/66 ไทย ขยายตัว 2.7%YoY

เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2566


สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เผย GDP Q1/66 ไทย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขยายตัว 2.7%มากกว่า Q1/65 ที่ 1.4% และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนพลิกขยายตัว 1.9% จาก Q4/65 หดตัว 1.1% ส่งเศรษฐกิจไทยรอดการเข้าถดถอยทางเทคนิค ทั้งนี้เชื่อว่านักลงทุนคงมีคำถามว่า“หุ้นอะไรสนใจ” เราจึงต้องวิเคราะห์องค์ประกอบใน GDP ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร และหาหุ้นที่ได้ประโยชน์

การเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบ GDP Q1/66 ไทย
1.การบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 5.4% จากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น หลังภาคเกษตรและบริการฟื้นตัว โดยเฉพาะการฟื้นตัวในด้านการท่องเที่ยว หลังจีนกลับมาเปิดประเทศและสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ดันการจ้างงานเพิ่มสูงขึ้น ส่งอัตราการว่างงานลดลงเหลือ 0.9% จาก 1% ในปี 65 ส่งรายได้และการใช้จ่ายของผู้บริโภคไทยเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย Q1/66 เพิ่มขึ้นแตะ 6.47 ล้านคน เพิ่มขึ้น 18% จาก Q4/65 ที่ 5.46 ล้านคน ส่วนการบริโภคภาครัฐ ลดลง 3.8% ส่วนใหญ่เกิดจากการที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทำให้ค่าใช้จ่ายสวัสดิการสังคมด้านสาธารณสุขสำหรับโควิด-19 ลดลง

2.การลงทุนภาครัฐ ขยายตัว 4.7% และ การลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 2.6% แสดงถึงการลงทุนในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น จากแนวโน้มการบริโภคที่ฟื้นตัว

3.การส่งออกสินค้าและบริการรับ การส่งออกสินค้าลดลง 6.4% ส่วนใหญ่เกิดจากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมอย่าง ชิ้นส่วนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, โลหะ, ชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ลดลง แต่ได้แรงหนุนจากบริการรับ ที่เพิ่มขึ้น 87.8% เพราะรายรับจากการท่องเที่ยว, ค่าบริการเดินทาง ที่เพิ่มสูงขึ้น ตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น 18%

4.การนำเข้าสินค้าและบริการจ่าย การนำเข้าสินค้าลดลง 3.3% จากการนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ลดลง ตามการผลิตสินค้าส่งออกที่ลดลง รวมทั้งการนำเข้าสินค้าทุนลดลง เพราะความต้องการในประเทศที่ชะลอตัว ส่วนบริการจ่าย เพิ่มขึ้น 8.9% ตามการเพิ่มขึ้นของรายจ่ายค่าบริการท่องเที่ยว, ค่าเดินทาง, ค่าบริการทางการเงิน

จะเห็นได้ว่า GDP Q1/66 ไทยที่ขยายตัว 2.7%YoY 1.9%QoQ ส่วนใหญ่ ได้แรงหนุนมาจาก การบริโภคภาคเอกชน, การลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน, การบริการ ที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ถูกกดด้วย การบริโภคภาครัฐ, การส่งออกสินค้า ที่ลดลง โดยหุ้นที่มีแนวโน้มรายได้เพิ่มสูงขึ้นหลัง GDP Q1/66 ขยายตัวคือ

หุ้นกลุ่มที่รายได้ส่วนใหญ่มาจากการบริโภคในประเทศ BJC, CBG, CENTEL , CPALL, ICHI, M, MINT, OSP, TKN
หุ้นกลุ่มที่มีรายได้จากการบริการ โดยเฉพาะภาคโรงแรม  AWC, ERW, CENTEL, MINT
หุ้นรับเหมาภาครัฐบาล CK, ITD, STEC, UNIQ

ทั้งนี้เมื่อดูแนวโน้มการเคลื่อนไหวของราคาแล้ว หุ้นที่มีแนวโน้มน่าสนใจ
คือ ICHI กับ M และกลยุทธ์การลงทุน

ICHIM23 ฝั่งซื้อ ราคา 13.40 บาท เป้าหมายที่ 14.00-15.00 บาท จุดตัดใจสิ้นวัน 12.50 บาท วางหลักประกัน 1,645 บาท หรือ Block Trade เริ่มต้น 100 สัญญา วางหลักประกัน 164,500 บาทเท่านั้น



MM23 ฝั่งซื้อราคาทะลุ 52.00 บาท เป้าหมายที่ 54.00-55.00 บาท จุดตัดใจสิ้นวัน 50.00 บาท วางหลักประกัน 3,500 บาท หรือ Block Trade เริ่มต้น 20 สัญญา วางหลักประกัน 70,000 บาทเท่านั้น


 

เปิดบัญชี TFEX
รับสิทธิพิเศษทันที !!
Array
(
)
		
Array
(
    [sesCAFXXSLAT] => 1732204151
    [CAFXSI18NX] => th
    [_csrf] => e0f486b8f6dda4139c7160504aab742e
    [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/analyze-thai-gdp-stock-2023.html
)
		
Array
(
    [content] => analyze-thai-gdp-stock-2023
)
		
Array
(
)