เผยแพร่เมื่อ วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566
แนวโน้มราคาเหล็กปรับเพิ่มสูงขึ้น รับความกังวลตลาดแร่เหล็กเกิดภาวะขาดแคลน อ้างอิงจากโกลด์แมน แซคส์ เผยความต้องการเหล็กมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับปริมาณเหล็กในตลาดปรับลดลงโดย
ความต้องการเหล็กได้แรงหนุนจาก จีนได้อนุมัติการออกพันธบัตรมูลค่า 1.37 แสนล้านดอลลาร์ ช่วงปลาย ต.ค.66 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้สามารถเดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยที่เข้ามาหนุนอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ทำให้แนวโน้มความต้องการเหล็กในประเทศจีนเพิ่มสูงขึ้น
ส่วนปริมาณเหล็กในตลาดถูกดันจากผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลกอย่างออสเตรเลียและบราซิล ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลกมีปริมาณเหล็กลดลง รวมถึง สต๊อกเหล็กของจีนอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ โกลด์แมน แซคส์ปรับลดคาดการณ์ปริมาณเหล็กในตลาดโลกปี 66 เหลือ 1.536 พันล้านตัน เดิม 1.557 พันล้านตัน เพราะความต้องการเหล็กที่เพิ่มสูงขึ้นและปริมาณเหล็กในตลาดโลกที่ลดลง ดันราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คำถามคือ “หุ้นกลุ่มไหนบ้างที่ถูกกระทบ”
แน่นอนว่าหุ้นที่ได้รับผลบวกโดยตรงคงไม่พ้น หุ้นกลุ่มเหล็กแต่เนื่องจากหุ้นกลุ่มเหล็กไม่มีใน Single Stock Futures เราจึงขอข้ามไปกลุ่มต่อไปอย่าง
กลุ่มค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง ราคาเหล็กที่เพิ่มสูงขึ้น สร้างโอกาสให้บริษัทจะสามารถเพิ่มราคาขาย รวมถึงบริษัทจะมีกำไรจากการสต๊อกเหล็ก สร้างโอกาสให้กำไรปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยหุ้นในกลุ่มนี้อย่าง HMPRO และ GLOBAL
เมื่อมีหุ้นที่ได้รับประโยชน์ก็ย่อมมีหุ้นที่เสียประโยชน์ โดยกลุ่มหุ้นที่เสียประโยชน์ ย่อมเป็นหุ้นที่ต้องใช้เหล็กในการผลิตสินค้าและบริการอย่าง
กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง CK ,ITD ,STEC ,STPI ,TTCL ,และ UNIQ
กลุ่มอสังหาฯ AP ,BLAND ,LH ,ORI ,PSH ,QH ,SIRI ,และ SPALI
Array ( )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1733245387 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => 0f6c7a6c1833f62c4ce16124c658640f [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/analyze-steel-price-stock-2023.html )
Array ( [content] => analyze-steel-price-stock-2023 )
Array ( )