บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด

การเมืองเริ่มชัด จัดหุ้นตัวไหน?

การเมืองเริ่มชัด จัดหุ้นตัวไหน?

เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2566


การเมืองไทยมีสัญญาความชัดเจนมากขึ้น หลังการประชุมสภาฯ ในวันที่ 4 ก.ค. 66 มีมติให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาฯ ซึ่งเป็นคนเดียวที่ถูกเสนอชื่อ ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของพรรคร่วมรัฐบาลสามารถเดินหน้าต่อไป โดยมีไทม์ไลน์ ดังนี้

- วันที่ 10 ก.ค.66 คาดโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ประธาน-รองประธานสภาฯ
- วันที่ 13 ก.ค. 66 ประชุมร่วมกันของรัฐสภาฯ เพื่อโหวตเลือกนายก รัฐมนตรี
- วันที่ 21 ก.ค. 66 แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
- ปลาย ก.ค. 66 ครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณ และสิ้นสุดการทำงานของรัฐบาลชุดเก่า

สร้างความหวังให้นักลงทุนว่าจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลชุดใหม่ ส่งแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งรัฐบาลชุดใหม่ จะสามารถอนุมัติโครงการก่อสร้างภาครัฐบาลที่ค้าง หลังรัฐบาลรักษาการไม่สามารถอนุมัติงบประมาณก่อสร้างได้ หนุนงานประมูลโครงการภาครัฐบาลเพิ่มสูงขึ้น ส่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจไทยเพิ่มสูงขึ้น ดันเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว นอกจากนี้ยังมีอีก ปัจจัยหนุนเศรษฐกิจไทย

1.แนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเพิ่มสูงขึ้น
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานข้อมูลนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย ตั้งแต่ 2 ม.ค.66 ถึง 25 มิ.ย.66 แตะ 12.46 ล้านคน เพิ่มขึ้น 539% YoY โดยสัปดาห์ที่ 19 มิ.ย. ถึง 25 มิ.ย. 66 นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเพิ่มขึ้น 6.94% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน รวมทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมั่นใจว่านักลงทุนท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยแตะ 25 ล้านคน และมีโอกาสมากที่แตะ 28-30 ล้านคน แสดงถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

2.CPI ไทยชะลอตัว
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เผยดัชนีราคาผู้บริโภคไทย พ.ค.66 ขยายตัว 0.53% เมื่อเทียบกับ พ.ค.65 แต่หดตัว 0.71% เมื่อเทียบกับ เม.ย.66 จากราคาพลังงานต่ำลง ทั้งราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าไฟฟ้า ที่ปรับลดลง  ทั้งนี้ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ คาดเงินเฟ้อ มิ.ย.66 มีโอกาส ชะลอตัวหรือหดตัวต่อเนื่อง จากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มลดลงและราคาค่าไฟฟ้าที่ปรับลดลงจากมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล

หนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศเพิ่มสูงขึ้น สร้างโอกาสให้หุ้น Domestic ที่รายได้ส่วนใหญ่มาจากในประเทศ มีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง

จากปัจจัยการเมืองมีความชัดเจน หนุนนโยบายเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้าไทย มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนการบริโภคในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น เป็นบวกต่อหุ้นที่มีรายได้ส่วนใหญ่ในประเทศ กลุ่มค้าปลีก BJC, CRC, CPALL, กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม CBG, CENTEL, ICHI, M, MINT, OSP, TTA , กลุ่มธนาคาร BBL, KBANK, KKP, KTB, TISCO, SCB , กลุ่มลิสซิ่ง MTC, SAWAD, TIDLOR, THANI

ทั้งนี้แนวโน้มงานประมูลโครงการภาครัฐบาลออกมาเพิ่มสูงขึ้น เมื่อรัฐบาลใหม่จัดตั้งได้ สร้างโอกาสรับงานใหม่ให้หุ้นกลุ่มรับเหมา CK, STEC, STPI, TTCL, ITD, UNIQ

 

หุ้นที่เราสนใจคือ KTB เพราะรายได้มิใช่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากค่าธรรมเนียมแอพกระเป๋าตั้งที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการร่วมลงทุนในธุรกิจ Virtual Bank กับ ADVANC ในอนาคต สร้างโอกาสให้ KTB สามารถปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มสูงขึ้น และต้นทุนสาขาลดน้อยลง หนุนการเติบโตของกำไรอย่างต่อเนื่อง
โดยกลยุทธ์การลงทุน

KTBU23 ฝั่งซื้อเมื่อราคาทะลุ 19.60 บาท เป้าหมายที่ 20.70 บาท จุดตัดใจสิ้นวัน 19.00 บาท วางหลักประกัน 980 บาท หรือ Block Trade 100 สัญญา วางหลักประกันเพียง 98,000 บาทเท่านั้น

 

 

เปิดบัญชี TFEX
รับสิทธิพิเศษทันที !!
Array
(
)
		
Array
(
    [sesCAFXXSLAT] => 1726518217
    [CAFXSI18NX] => th
    [_csrf] => d7ffa23a22e1ebab4ab393ab29d9c3bf
    [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/analyze-primeministerelection-stock-2022.html
)
		
Array
(
    [content] => analyze-primeministerelection-stock-2022
)
		
Array
(
)