มุมมองราคาน้ำมันต่อจากนี้ และหุ้นใน SSF ที่น่าสนใจ

---

เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2565

---

แม้ว่าสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม โอเปกพลัสกำลังทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้น เพราะกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ได้การประชุมในวันที่ 5 ต.ค. 65 โดยมีมติปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือนพ.ย.65 ตามความสมัครใจของชาติสมาชิก ซึ่งนับเป็นการปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ที่สุดของโอเปกพลัสนับตั้งแต่ปี 2563 และสาเหตุการลดรอบใหญ่เกิดจากโอเปกพลัสอาจคาดการณ์ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงชะลอตัวจากนโยบายการเงินของประเทศต่างๆที่ขึ้นดอกเบี้ย กดการบริโภคและการลงทุน กดความต้องการน้ำมันลดลง

แต่สหรัฐฯกำลังกดให้ราคาน้ำมันถูก เนื่องจากสหรัฐฯที่นำโดย ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ประกาศให้กระทรวงพลังงานสหรัฐทำการระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) อีก 10 ล้านบาร์เรลในเดือนพ.ย.เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน

ซึ่งปัจจัยทั้ง 2 สองกระทบราคาน้ำมันทั้งเชิงบวกและลบ แล้วราคาน้ำมันต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร โดยเรามองว่า แนวโน้มราคาน้ำมันมีโอกาสขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากปริมาณการลดผลิตน้ำมันจากกลุ่มโอเปกพลัสในเดือน พ.ย. มีมากกว่าการระบายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) อีก 10 ล้านบาร์เรลในเดือนพ.ย. แต่ระยะกลางราคาน้ำมันมีความเสี่ยงปรับลงมากกว่า เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อาจเข้าสู่ภาวะถดถอย จากราคาน้ำมัน ราคาสินค้าและบริการแพงดันให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น และธนาคารกลางของนานาชาติดำเนินนโยบายดอกเบี้ยขาขึ้นเพื่อกดอัตราเงินเฟ้อ จากปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวและลดความต้องการน้ำมัน จึงเป็นเหตุให้ราคาน้ำมันระยะกลางมีความเสี่ยงปรับลง

โดยผลกระทบต่อหุ้นใน SSF แบ่งเป็น 2 กลุ่ม

1.ได้ประโยชน์ระยะสั้นจากราคาน้ำมันขึ้น ได้แก่กลุ่มผู้ประกอบการผลิตและสำรวจน้ำมันที่มีรายได้อิงกับราคาขายน้ำมัน คือ PTTEP, BCP ส่วนของธุรกิจโรงกลั่น (TOP, PTTGC, IRPC, BCP, ESSO, SPRC)

2.ได้ประโยชน์ระยะกลางจากราคาน้ำมันลง หุ้นที่ได้ประโยชน์ได้แก่ กลุ่มโรงไฟฟ้า(BGRIM, BPP, CKP,EGCO,GPSC,GULF, GUNKUL,SUPER,)กลุ่มวัสดุก่อสร้าง(ITD, STEC, STPI, TTCL และ UNIQ) ,กลุ่มเกษตร-อาหาร(GFPT, STA, CBG, CPF, ICHI, M, MINT, OSP, TKN, TU และ TVO)