MBK แนวโน้มเริ่มดูดี น่าเข้า Long ลุ้นปัจจัยบวกจากการเปิดเมือง

เผยแพร่เมื่อ วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2564

นับว่าเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ราคาหุ้นเริ่มมีความน่าสนใจ หลังจากที่เริ่มฟอร์มตัวเป็นขาขึ้น สังเกตจากการยกตัวของ High และ Low ในแต่ละรอบการเคลื่อนไหวของราคา ทั้งยังมีปัจจัยบวกด้านพื้นฐาน จากการกระจายวัคซีนต้านโควิด-19 ในประเทศไทย ที่มีความคืบหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความคาดหวังของนักลงทุน ในการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาด ซึ่งหุ้นที่เรากำลังพูดถึง และจะนำมาวิเคราะห์ในวันนี้ก็คือ MBK

MBK หรือ บมจ.เอ็ม บี เค ผู้ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในการให้เช่าพื้นที่ศูนย์การค้า บริการที่เกี่ยวกับโรงแรม สนามกอล์ฟ และอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย โดยเป็นผู้บริการศูนย์การค้าชื่อดังหลายแห่ง ได้แก่ ศูนย์การค้า MBK Center, ศูนย์การค้า The Nine, ศูนย์การค้า Paradise Park เป็นต้น ซึ่งในภาวะปกติ ธุรกิจของ MBK ก็สามารถสร้างผลการดำเนินงานเป็นบวกได้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด

จนกระทั่งปี 2563 เกิดการระบาดของโควิด-19 ธุรกิจศูนย์การค้า การท่องเที่ยวและโรงแรมได้รับผลกระทบกันทั้งหมด โดยเป็นผลกระทบที่เกี่ยวเนื่องกับการระบาดของโควิด-19 ทำให้มีการใช้มาตรการควบคุมการระบาดขั้นสูงสุด นั่นคือ การปิดดำเนินการศูนย์การค้าชั่วคราว และถึงแม้ว่าจะมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุม แต่ภาพรวมการท่องเที่ยวและการใช้บริการศูนย์การค้าก็ยังฟื้นกลับมาแบบไม่เต็มที่ เนื่องจากการใช้ Social Distancing บวกกับประชาชนยังไม่มั่นใจในการควบคุมการระบาด ส่งผลให้ MBK มีผลการดำเนินงานลดลงจากปี 2562 อย่างมีนัยสำคัญ

โดยผลการดำเนินงานของ MBK ในปี 2563 รายงานกำไรสุทธิไว้ที่ 149 ล้านบาท เทียบกับปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 2,799 ล้านบาท ลดลงมากถึง 95% YoY โดยเป็นผลจากรายได้จากการดำเนินงานที่ลดลงกว่า 16% YoY และกำไรจากการดำเนินงานลดลง 59% YoY เป็นผลกระทบเชิงลบจากการระบาดของโควิด-19

เข้าสู่ปี 2564 การระบาดของโควิด-19 ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีใน Q1/64 หลังพบคลัสเตอร์จำนวนมาก นำไปสู่การระบาดรอบใหม่ รวมไปถึงโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ และการกระจายวัคซีนที่ล่าช้า ทำให้ต้องใช้มาตรการควบคุมอีกครั้ง ทำให้ MBK ได้รับผลกระทบอีกครั้ง ส่งผลให้รายได้ใน Q1/64 ลดลง 17% YoY ต่อเนื่องไปถึงกำไรจากการดำเนินงานลดลง 71% YoY และผลการดำเนินงานโดยรวมพลิกขาดทุนจำนวน 143 ล้านบาท จากที่มีกำไรสุทธิ 181 ล้านบาทใน Q1/63

แต่สิ่งที่เป็นความหวังของนักลงทุน นั่นคือ วัคซีนโควิด-19 ที่มีการฉีดไปแล้ว โดย ณ วันที่ 9 มิ.ย. 64 มีผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 5.1 ล้านราย แบ่งเป็นเข็มที่ 1 จำนวน 3.67 ล้านราย และฉีดครบ 2 เข็มจำนวน 1.43 ล้านราย ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าหมายฉีดให้ครบคลุมประชากร 50 ล้านคน หรือคิดเป็น 70% ของประชากรทั้งหมด ภายในสิ้นปี 2564 ซึ่งจะทำให้เกิด Herd Community ตามมา อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะได้รับวัคซีนแล้ว ก็ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมตามเดิม เพื่อให้วัคซีนมีประสิทธิภาพมากที่สุด

การกระจายวัคซีนเป็นความหวังที่ทำให้นักลงทุนเริ่มมองหา หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และมีราคาหุ้นต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดการระบาด เป็นความคาดหวังในเรื่องการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน หากการกระจายวัคซีนเป็นไปด้วยดี และทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง จนนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการควบคุม และทำการเปิดเมือง ให้ธุรกิจดำเนินกิจการได้ตามปกติ เหมือนช่วงก่อนการระบาด

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หุ้น หรือ Single Stock Futures หลายตัวที่ราคาปรับตัวลดลงก่อนหน้านี้ จากผลกระทบของการระบาด เริ่มมีอาการฟื้นตัวจากแนวรับ อาทิเช่น CENTEL, CPN, CRC, MAJOR, MINT, MBK เป็นต้น ซึ่งบริษัทเหล่านี้ นอกจากจะได้รับ Sentiment บวกจากความคาดหวังในเรื่องของการเปิดเมือง ยังได้รับผลกระทบทางอ้อมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากประชาชนมีกำลังซื้อมากขึ้น ย่อมทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการอุปโภค-บริโภคมากขึ้น (ตามหลักพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์)
เราจึงเลือกหุ้น MBK เข้ามาวิเคราะห์ นำไปสู่คำแนะนำด้านกลยุทธ์การซื้อขาย Single Stock Futures โดยเราแนะนำให้เปิดสถานะ Long หากราคาไม่ต่ำกว่าแนวรับ 14.10 บาท กำหนดจุด Stop Loss 13.60 บาท และมีเป้าหมายทำกำไรที่ 15-15.50 บาท ทั้งนี้ ให้ระวังความเสี่ยงจากการระบาด ที่อาจนำไปสู่มาตรการควบคุมอีกครั้ง ซึ่งจะกระทบต่อราคาของ MBK ในเชิงลบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้