JMT ขาขึ้นจริงหรือหลอก เข้า Long ได้หรือไม่?

เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ราคาหุ้น JMT หรือ บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส ที่ปรับตัวขึ้นมากว่า 3% ขึ้นมาที่ระดับ 46.50 บาท ในช่วงเช้าวันพุธที่ 14 ก.ค. 64 ที่ผ่านมา ส่งสัญญาณขาขึ้นอีกครั้ง หลังจากราคาพักตัวลงไปทำฐานบริเวณ 40 บาท เป็นเวลาเกือบ 3 เดือน การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้น JMT ครั้งนี้ มีความน่าสนใจ ตรงที่มีการสะสมวอลุ่ม และปัจจัยบวก จากผลการดำเนินงานที่คาดว่าขยายตัวเพิ่มขึ้น ก่อนอื่น มาวิเคราะห์ผลการดำเนินงานช่วง Q1/63 – Q1/64 ก่อนว่าเป็นอย่างไร

ผลการดำเนินงานของ JMT ใน Q1/64 มีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 809 ล้านบาท ลดลงจาก Q4/63 ที่มีรายได้จากการดำเนินงาน 880 ล้านบาท หรือลดลง -8% QoQ และหากเทียบกับ Q1/63 ซึ่งมีรายได้จากการดำเนินงาน 764 ล้านบาท ก็พบว่ามีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น +5.9% YoY

ด้านกำไรสุทธิ Q1/64 รายงานไว้ที่ 284 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิของ Q4/63 ที่มีจำนวน 323 ล้านบาท หรือลดลง -12% QoQ แต่เพิ่มขึ้นจาก Q1/63 ที่มีกำไรสุทธิ 196 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น +44.9% YoY โดยรายได้จากการดำเนิน และกำไรสุทธิที่ขยายตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับ Q1/63 เกิดจากการที่พอร์ตสินเชื่อขยายตัว โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 7,933 ล้านบาทใน Q1/63 มาอยู่ที่ระดับ 10,755 ล้านบาทใน Q1/64

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานระหว่าง Q1/63 ถึง Q1/64 ด้านรายได้จากการดำเนินงานอาจมีจังหวะชะลอตัวบ้าง แต่ในส่วนของกำไรสุทธิมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินงานที่ดีของ JMT โดยปกติ หากบริษัทที่ทำรายได้เพิ่มขึ้นไม่มาก แต่ถ้ามีการจัดการต้นทุนได้ดี บริษัทนี้ก็ยังมีความน่าสนใจ หากต้องการเข้าไปลงทุน

นอกจากนี้ JMT มีการอัพเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง โดยตั้งงบลงทุนซื้อหนี้เสีย (NPL) เพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ที่ 6 พันล้านบาท และในช่วงครึ่งปีแรก JMT มีการซื้อหนี้เสียไปแล้ว 3 พันล้านบาท จากสถาบันการเงินที่ต้องการลดหนี้เสียของกิจการ ทำให้พอร์ตสินเชื่อที่ JMT บริหารอยู่ มีไซส์ที่ใหญ่ขึ้น หาก JMT ทยอยรับรู้รายได้จากพอร์ตสินเชื่อที่ถือครองได้อย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน

เป็นเหตุให้ เราคาดว่าผลการดำเนินงาน Q2/64 ของ JMT ที่จะประกาศภายในวันที่ 14 ส.ค. 64 มีแนวโน้มดีขึ้น เมื่อเทียบกับ Q2/63 ด้วยขนาดของพอร์ตสินเชื่อ NPL ที่ใหญ่ขึ้น บวกกับผลการดำเนินงานช่วงที่ผ่านมาของ JMT ซึ่งสะท้อนชัดเจนว่า มีการบริหารที่ดี สามารถจัดเก็บและทยอยรับรู้รายได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และถือเป็นหุ้นตัวหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 น้อยมาก

สรุปว่า ราคาหุ้น JMT ที่ปรับตัวขึ้นมา มีโอกาสเป็นแนวโน้มขาขึ้นของจริง ด้วยลักษณะของการสะสมวอลุ่มเป็นเวลานานพอสมควร และการ Breakout ออกจาก High บริเวณ 45 บาท ร่วมด้วยปัจจัยซัพพอร์ตจากผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา มีการบริหารจัดการที่ดี บวกกับการเพิ่มงบลงทุนในการเข้าซื้อหนี้เสียเพิ่มขึ้น ทำให้มีโอกาสได้เห็นกำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลังของ JMT เพิ่มขึ้น

เราแนะนำให้เปิดสถานะ Long ใน JMT Futures หากราคาไม่ต่ำกว่า 44 บาท กำหนดจุด Stop Loss ที่ 43 บาท และเป้าหมายทำกำไรเบื้องต้นที่ 49 บาท หากทะลุได้ ก็จะเป็นราคา All Time High ซึ่งทำให้ได้เปรียบมากขึ้นสำหรับท่านที่ถือ Long