เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2565
เมื่อคืนที่ผ่านมาธนาคารกลางสหรัฐฯ(FED)ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ส่งให้ดอกเบี้ยสหรัฐฯขึ้นไปแตะ 3.25% นับเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 14 ปี โดย FED มองตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจสหรัฐฯอย่างการใช้จ่ายและการผลิตขยายตัวขึ้นเล็กน้อย
การจ้างงานของสหรัฐฯขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และอัตราการว่างงานคงต่ำ ส่วนอัตราเงินเฟ้อยังเพิ่มขึ้น อธิบายถึงความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานของโรคระบาด
และ FED ให้ความสำคัญกับประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้เกิดความยากลำบากทางด้านเศรษฐกิจและมนุษยธรรม และสร้างแรงกดดันเพิ่มต่ออัตราเงินเฟ้อผ่านราคาพลังงานและราคาสินค้าเกษตร
ทั้งนี้ FED ได้คาดตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ 3 ตัวได้แก่ GDP อัตราเงินเฟ้อ และอัตราการว่างงาน
ทั้งนี้ FED ส่งสัญญาณ 3 อย่าง คือ
1. FED พยายามที่จะบรรลุการจ้างงานสูงสุดและอัตราเงินเฟ้อในระยะยาวที่ 2% และมีมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยต่อตามความเหมาะสมที่ FED มองรวมถึงลดงบดุลตามแผนที่ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อ
2. Fed Dot Plot แสดงให้เห็นว่าธนาคารกลางกำลังพิจารณาที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 4.4% ภายในสิ้นปีนี้ และปี 2566 ที่ 4.6% และปี 2567 เหลือ 3.8% (Fed Dot Plot คือ ประมาณการการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่สำรวจความเห็นจาก board member และ Fed แสดงผลออกมาโดยใช้แผนภาพแบบจุด เพื่อระบุเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยในแต่ละปีซึ่งคาดการณ์ได้ด้วยค่ามัธยฐาน
3. FED ให้เงื่อนไขการใช้นโยบายการเงิน คือ 1.ข้อมูลด้านสาธารณสุข(การระบาดของโรคโควิด-19และฝีดาษลิง) 2.สภาวะตลาดแรงงาน และ 3.ตัวเลขเงินเฟ้อ(CPI)
มาถึงจุดสำคัญหลัง FED ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อถึงปี 2566
ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็ง และส่งค่าเงินบาทต่อดอลลาร์อ่อน คำถามคือ หุ้นกลุ่มไหน คาดว่าหุ้นที่ได้ประโยชน์ คือ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ถุงมือยาง การแพทย์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยน และคาดว่าหุ้นที่เสียประโยชน์ ได้แก่ธุรกิจที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
Array ( )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732222994 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => 0e4a177de399974467204e7eeca696ff [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/analyze-fomc-stock-2022.html )
Array ( [content] => analyze-fomc-stock-2022 )
Array ( )