เผยแพร่เมื่อ วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564
ราคาหุ้นของ EPG หรือ บมจ.อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป พุ่งต่อเนื่อง หลังประกาศผลการดำเนินงานสิ้นสุดเดือน ธ.ค. 2563 (ซึ่ง EPG นับรอบเป็น Q3/64) โดยมีตัวเลขที่ดีมาก สะท้อนการเติบโตของบริษัทอย่างชัดเจน แม้ว่าในปี 63 ที่ผ่านมา EPG จะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 อยู่ระยะหนึ่ง แต่กลับฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสที่ผ่านมา
ขอเล่าคร่าวๆก่อนว่า EPG ทำธุรกิจอะไร? EPG เป็น Holding Company มีการลงทุนในธุรกิจแปรรูปโพลิเมอร์ และพลาสติก ได้แก่
1. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายฉนวนยางกันความร้อนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง โดยมี บจ.แอร์โรเฟลกซ์ (Aeroflex: AFC) เป็นผู้ดำเนินการ
2. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ชิ้นส่วนตกแต่งรถยนต์ โดยมี บจ.แอร์โรคลาส (Aeroklas: ARK) เป็นผู้ดำเนินการ
3. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติก โดยมี บจ.อีสเทิร์น โพลีแพค (Eastern Polypack: EPP) เป็นผู้ดำเนินการ
นอกจากนี้ EPG ยังมีบริษัทย่อยอีก 2 บริษัท ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาเพื่อซัพพอร์ต 3 ธุรกิจหลัก และมีการร่วมทุนกับ 2 บริษัทผู้ผลิตยางที่ใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์
ผลการดำเนินงานของ EPG ไตรมาสที่ผ่านมา มีรายได้จากการขาย 2,593 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีรายได้จำนวน 2,329 ล้านบาท (+11.34% QoQ) และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,427 ล้านบาท (+6.84% YoY) โดย EPG ได้อธิบายเพิ่มเติมถึงการเปลี่ยนแปลงของรายได้จากทั้ง 3 ธุรกิจไว้ดังนี้
- กลุ่ม Aeroflex รายได้จากการขายลดลง -13.3% YoY เป็นผลจากอุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศมีการเติบโตช้า ในขณะที่ยอดขายจากสหรัฐฯยังเติบโต และยอดขายในญี่ปุ่นฟื้นตัวได้ดี
- กลุ่ม Aeroklas รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น +24.3% YoY จากคำสั่งซื้อทั้งในและต่างประเทศขยายตัวเพิ่มขึ้น หลังจากตอนต้นปี 63 สหรัฐฯ-จีนบรรลุข้อตกลงการเจรจาการค้า ทำให้ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ค่อยๆฟื้นตัวหลังได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ปี 61
- กลุ่ม EPP รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น +1.9% YoY จากความต้องการบรรจุภัณฑ์พลาสติกเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกล่องใส่อาหาร เนื่องจากผู้บริโภคนิยมสั่งอาหารผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น หรือซื้อกลับไปทานที่บ้าน ซึ่งเป็นอานิสงส์เชิงบวกจากการระบาดของโควิด-19 ต่อธุรกิจของ EPG
ในส่วนของกำไรสุทธิ EPG ทำผลงานในไตรมาสนี้ไว้ที่ 433 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีกำไรสุทธิ 307 ล้านบาท (+41.04% QoQ) และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 213 ล้านบาท (+103.29% YoY) เป็นผลจากรายได้เพิ่มขึ้น ต้นทุนที่ใช้ในการผลิตลดลงเล็กน้อย และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ลดลง
จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นทั้งในส่วนของรายได้จากการขายและกำไรสุทธินี้เอง ส่ง Sentiment บวกต่อราคาหุ้นของ EPG ให้ปรับตัวขึ้นไป 2 วันต่อเนื่อง โดยปรับตัวขึ้นจาก 8.60 บาทในวันที่ 11 ก.พ. 64 สู่ระดับ 9.50 บาทหรือเพิ่มขึ้นกว่า +10.47% ใน 2 วันทำการถัดมา คำถามคือ ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมา จากผลการดำเนินงานที่เติบโตดังกล่าว ยังเป็นโอกาสให้นักลงทุนเข้า Long หรือไม่?
เราจึงวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคเพื่อหาคำตอบนี้ แล้วพบว่า ราคาหุ้น EPG ทำ new high นับตั้งแต่ปี 2561 มีทิศทางขาขึ้นชัดเจน แต่มีการปรับตัวขึ้นมาไกลถึง 33.80% เมื่อนับจากต้นปีที่ราคา 7.10 บาท โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 10 บาท และแนวรับใกล้ๆที่ 9 บาท ณ จุดนี้ หากนักลงทุนต้องการซื้อขาย Single Stock Futures ของ EPG ในฝั่ง Long เรามีคำแนะนำให้รอการย่อ และจับตาบริเวณ 9-9.15 บาท ใช้ 8.90 บาทเป็นจุด Stop Loss และเป้าหมายทำกำไรที่ 10 – 10.50 บาท
หมายเหตุ: ราคาหุ้น ณ วันที่ 17 ก.พ. 64
Array ( )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732333272 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => 32abd1cbf086f395f3e4b0bf76628117 [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/analyze-epg-stock-2021.html )
Array ( [content] => analyze-epg-stock-2021 )
Array ( )