เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
นักลงทุนหลายคนน่าจะมีความสุขกับการลงทุนในสัปดาห์นี้(วันที่ 8-12 พ.ค. 66) เพราะเป็นสัปดาห์ที่ดัชนี SET ปรับเพิ่มสูงสุดแตะระดับ 1,576 จุด เพิ่มขึ้น 43 จุด หรือ 2.8% ได้แรงหนุนจาก นักลงทุนคาดการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในการประชุม FOMC วันที่ 4 พ.ค. 66 เป็นการปรับขึ้นครั้งสุดท้ายและผลประกอบการ Q1/66 ที่เห็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หนุนเงินไหลกลับเข้าตลาดหุ้น เพื่อให้การลงทุนของนักลงทุนสามารถลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง วันนี้เราจึงจะพานักลงทุนมาทำการบ้านหา “หุ้นที่น่าลงทุนในสัปดาห์หน้า”(วันที่ 15-19 พ.ค. 66) ก่อนที่เราจะบอกว่าหุ้นอะไร เราจะขอวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ที่จะเข้ามากระทบการลงทุน เพื่อหาหุ้นที่น่าสนใจ
3 ปัจจัย กระทบการลงทุนสัปดาห์หน้า
1.ผลการเลือกตั้งไทย
การเลือกตั้งไทยทั่วประเทศ วันที่ 14 พ.ค. 66 จะทราบผลการเลือกตั้งแบบไม่เป็นทางการ ไม่เกิน 23:00น. ของวันที่ 14 พ.ค. 66 ซึ่งนโยบายพรรคการเมืองส่วนใหญ่เน้นเพิ่มรายได้ ลดค่าครองชีพของประชาชนลง หนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศเพิ่มสูงขึ้น เป็นปัจจัยบวกหนุนรายได้ของ Domestic Play อย่างกลุ่ม ค้าปลีก, อาหารและเครื่องดื่ม, สื่อสาร, ธนาคาร, ลิสซิ่ง เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งรัฐบาลชุดใหม่จะสามารถอนุมัติโครงการภาครัฐได้ ดันงานประมูลภาครัฐกลับมาเพิ่มสูงขึ้น ส่ง Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง หนุนนักลงทุนเข้าเก็งกำไรหลังผลการเลือกตั้งออก แต่ระวังนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของบางพรรค หากได้เป็นรัฐบาลใหม่ จะกระทบต้นทุนการจ้างแรงงานของภาคธุรกิจปรับเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงเห็นแรงขาย หลังราคาหุ้นปรับเพิ่มสูงขึ้น
2.GDP Q1/66 ไทย
วันที่ 15 พ.ค. 66 ติดตามการขยายตัวของ GDP ไทย Q1/66 คาดขยายตัว 2.3% เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนที่ 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 65 และพลิกขยายตัว 1.7% จากหดตัว 1.5% ในช่วง Q4/65 บ่งชี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง คาดส่วนใหญ่ได้แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคที่ฟื้นตัว หลังจีนเปิดประเทศและสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย หนุนนักลงทุนต่างชาติเข้าไทย Q1/66 มากถึง 6.47 ล้านคน ส่งแนวโน้มการใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้น เป็นบวกต่อหุ้น Domestic Play ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศ
3.ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ
ลุ้นยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เม.ย. 66 ที่จะออกมาในวันที่ 16 พ.ค. 66 คาดพลิกขยายตัว 0.7% จากครั้งก่อนหดตัว 0.6% แสดงถึงการบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นของประชาชนสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐฯ เป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในปี 65 เป็นบวกต่อรายได้หุ้นกลุ่มส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ เพราะมีโอกาสที่รายได้จะเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งปัญหาภาคธนาคาร เสี่ยงที่จะมีการล้มเพิ่ม, ปัญหาเพดานหนี้สาธารณะ ยังไม่ได้รับการแก้ไข เสี่ยงสหรัฐฯ เกิด Government Shutdown ดังนั้นจึงยังไม่ใช่จังหวะที่จะเข้าลงทุนหุ้นกลุ่มส่งออกที่ดี
ภาพรวมสัปดาห์หน้า
ในสัปดาห์หน้า น่าจะเห็นแรงซื้อในหุ้นกลุ่ม Domestic Play เข้ามาเพราะมีปัจจัยบวกอย่าง ความชัดเจนของรัฐบาลใหม่ ซึ่งมีนโยบายส่วนใหญ่ ดันการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศเพิ่มสูงขึ้น และสามารถอนุมัติโครงการก่อสร้างภาครัฐได้ เพิ่มขึ้น รวมทั้ง GDP Q1/66 คาดขยายตัวมากขึ้น ส่งแนวโน้มการใช้ของผู้บริโภคในประเทศและโครงการก่อสร้างภาครัฐเพิ่มสูงขึ้น โดยหุ้นกลุ่ม Domestic Play ใน Singer Stock Future
หุ้นค้าปลีก BJC, CPALL, CRC, COM7
หุ้นที่มีรายได้จากอาหารและเครื่องดื่ม CBG, CENTEL, ICHI, M, MINT, OSP, TTA
หุ้นสื่อสาร ADVANC, TRUE
หุ้นกลุ่มธนาคาร BBL, KBANK, KTB, SCB
หุ้นลิสซิ่ง MTC, SAWAD, TIDLOR, THANI
กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง CK, ITD, STEC, UNIQ
ส่วนหุ้นกลุ่มส่งออก แม้จะมีปัจจัยบวกจากยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เม.ย. 66 คาดออกมาขยายตัว 0.7% แต่แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังมีความไม่แน่นอนสูง จึงไม่ใช่จังหวะที่ดีในการลงทุน
Array ( )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732348631 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => 6f6183b7336ad07c75ee6815cf675251 [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/analyze-domesticplay-may-stock-2023.html )
Array ( [content] => analyze-domesticplay-may-stock-2023 )
Array ( )