AMATA-WHA มองอย่างไร ในปี 2563

---

เผยแพร่เมื่อ วันพุธที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2562

---

ในปี 2562 นับเป็นปีสำคัญกับ 2 นิคมอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่อย่าง AMATA และ WHA มีปัจจัยบวกเข้ามาหลายประเด็นในช่วงกลางปี ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล ที่มาดูแลพร้อมสนับสนุนพื้นที่ EEC รวมไปถึงปัจจัยต่างประเทศเข้ามากระทบอย่าง เจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ที่คลุมเครือ ทำบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกและ SET ผันผวน

และนับตั้งแต่เข้าสู่ไตรมาส 4 ปี 2562 ปัจจัยอย่างการเจรจาการค้าเริ่มกลับมาเป็นปัจจัยกดดันอีกครั้ง หลังจากที่ความคืบหน้าของการเจรจาการค้าในเดือน ต.ค. – พ.ย. ที่ผ่านมาค่อนข้างดูดี เมื่อการเจรจาการค้าคืบหน้า ส่งผลให้ผู้ประกอบการต่างชาติที่มีฐานการผลิตในจีน ก่อนหน้านี้มีแนวโน้มย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทย มีโอกาสเปลี่ยนความคิดว่าไม่ต้องย้ายฐานการผลิต เป็นปัจจัยลบที่ 1

ส่วนปัจจัยลบที่ 2 เสถียรภาพทางการเมืองของไทยที่เริ่มลดลง หลังจากเกิดประเด็นต่างๆทั้งในการประชุมสภา และนอกการประชุมสภา โดยประเด็นที่ออกมาส่วนใหญ่เป็นประเด็นลบ เมื่อเสถียรภาพทางการเมืองลดลง อาจส่งผลให้การผลักดันโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ยังไม่มีความคืบหน้า ทำให้ AMATA และ WHA ซึ่งมีที่ดินในเขต EEC เป็นจำนวนมาก ยังไม่ได้รับความสนใจในการลงทุนของภาคเอกชนในเขตพื้นที่ดังกล่าว

จากปัจจัยลบทั้ง 2 ที่เราวิเคราะห์ข้างต้น ทำให้มีมุมมองต่อ AMATA และ WHA ในปี 2563 เป็นขาลง แล้วจะใช้กลยุทธ์ใดในการขาย Single Stock Futures ของทั้ง 2 ตัวในปีหน้า เรามาดูกันก่อนว่าปัจจัยสำคัญมีอะไรบ้าง

1. การเจรจาการค้ามีแนวโน้มลากยาวไปจนถึงการเลือกตั้งสหรัฐใน พ.ย. 2563

เป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ตลาดอีกครั้ง หลังจากที่ ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อ โดยสรุปความได้ว่า “เขาไม่มีเส้นตายสำหรับการเจรจาการค้า และมันคงจะดีกว่าถ้าปล่อยให้เรื่องนี้ลากยาวไปจนถึงการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในปี 63” สิ่งที่เขาพูดออกมานั้น ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปั่นป่วนอีกครั้ง เพราะในเดือน ต.ค. – พ.ย. เราทราบกันดีว่า การเจรจาการค้าคืบหน้ามาโดยตลอด และนักลงทุนคาดว่าจะสามารถจบการเจรจาการค้าได้ใน 15 ธ.ค. 2562 แต่เมื่อทรัมป์ออกมาให้สัมภาษณ์แบบนี้ นั่นหมายความว่า สหรัฐฯ-จีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในวันที่ 15 ธ.ค. 2562 และอาจจะลากไปเกินกว่าวันที่ 3 พ.ย. 2563 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งสหรัฐฯ

ข่าวนี้ค่อนข้างเป็นปัจจัยที่กระทบต่อ AMATA WHA เนื่องจากทำให้นักลงทุนคาดว่าประเด็นการย้ายฐานการผลิตมายังไทยอาจจะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเป็นปัจจัยเชิงบวก แต่ในอีกด้านหนึ่ง การเจรจาการค้าที่ไม่คืบหน้า ส่งผลให้แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น อาจทำให้ธุรกิจการผลิตลดความต้องการซื้อที่ดินเพื่อขยายฐานการผลิตลง นับเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เช่น AMATA และ HWA

2. เสถียรภาพทางการเมืองจะผลักดัน EEC ไปในทิศทางไหน

นับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มสนับสนุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ซึ่งประกอบด้วย 3 จังหวัดได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ราคาหุ้นทั้ง AMATA และ WHA ก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และหลังจากการเลือกตั้งปี 62 ที่ผ่านมา นักลงทุนก็คาดหวังว่ารัฐบาลจะผลักดันเกี่ยวกับ EEC ต่อ ทำให้เกิดการเก็งกำไรในหุ้นทั้ง 2 ตัวนี้ให้ปรับตัวบวกขึ้นไปอีก

แต่หนทางของ EEC ไม่ได้หอมหวานอย่างที่คิด เราจะเห็นว่า รัฐบาลนี้มีข่าวว่ารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำบ้าง เกิดปัญหาหลายอย่างบ้าง ไม่ว่าจะในหรือนอกการประชุมสภา นักลงทุนจึงเกิดความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพของรัฐบาล ที่อาจส่งผลต่อการเดินหน้าสนับสนุน EEC ทำให้ราคาหุ้น AMATA และ WHA มีโอกาสที่จะปรับตัวลดลง

3. กรมธนารักษ์เลื่อนการประเมินราคาที่ดินออกไปเป็นปี 2563

อาจจะไม่ใช่ประเด็นที่มีความสำคัญต่อ AMATA และ WHA โดยตรง แต่ราคาประเมินเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณาราคาขายที่ดิน ซึ่งการเลื่อนประเมินราคาที่ดินออกไป ทำให้บริษัทไม่สามารถเพิ่มราคาขายที่ดินได้ตามที่ต้องการ ส่งผลให้การรับรู้รายได้จากการขายที่ดินมีแนวโน้มคงที่ ซึ่ง AMATA และ WHA ก็ต้องเพิ่มปริมาณขายที่ดินให้มากขึ้น เพื่อชดเชยและทำให้รายได้จากการขายที่ดินเพิ่มขึ้น

ไตรมาสสุดท้าย แต่ราคาหุ้นกลับมาสู่จุดเริ่มต้น

เมื่อวิเคราะห์ทางเทคนิค จะเห็นว่าราคาหุ้น AMATA และ WHA มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี และเริ่มอ่อนตัวลง จนกระทั่งปรับตัวลดลงแรงในช่วงเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ทำให้กรอบการเล่นของทั้ง 2 ตัว เป็นดังนี้

AMATA กรอบการเล่น 20.60 – 23 บาท กลยุทธ์การเทรด Single Stock Futures ของ AMATA คือ รอให้ราคากลับตัวขึ้นมาแถว 22 บาทแล้วไม่ผ่าน แนะนำให้เปิด Short โดยมีเป้าหมายการทำกำไรอยู่ที่ 20.60 บาท และใช้ 22.50 บาทเป็นจุด Stop Loss

WHA กรอบการเล่น 4 – 4.40 บาท กลยุทธ์การเทรด Single Stock Futures ของ WHA คือ รอให้ราคากลับตัวขึ้นมาแถว 4.30 บาทแล้วไม่ผ่าน แนะนำให้เปิด Short โดยมีเป้าหมายการทำกำไรอยู่ที่ 4-4.10 บาท และใช้ 4.44 บาทเป็นจุด Stop Loss