บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด

ทำไมนักลงทุน 80% ในตลาดจึงเจ็งไม่เป็นท่า

ทำไมนักลงทุน 80% ในตลาดจึงเจ็งไม่เป็นท่า

เผยแพร่เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562


การลงทุนในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือตลาดฟิวเจอร์สอาจเป็นเรื่องง่ายสำหรับใครบางคนแต่ก็อาจเป็นเรื่องที่ยากเย็นสำหรับผู้ที่เคยเข้ามาลิ้มลองและขาดทุนกลับออกไปกว่า 80% ของตลาดหรือพูดง่ายๆ ว่าในนักลงทุน 100 คนสุดท้ายแล้วจะมีนักลงทุน 80 คนที่ขาดทุนและ 20 คนเท่านั้นที่ยังอยู่รอดซึ่งก็เป็นกฏ 80/20 ของ Pareto บทความฉบับนี้เขียนขึ้นจากความห่วงใยในฐานะเพื่อนคู่คิดของนักลงทุนไม่ได้มีเจตนาตอกย้ำความผิดพลาดใดๆ

อย่างไรก็ตามผมเชื่อเหลือเกินว่าในจำนวนคน 80 คนที่ขาดทุนนี้ส่วนใหญ่แล้วจะมีรูปแบบในการขาดทุนหรือสาเหตุในการขาดทุนที่ไม่แตกต่างกันไป “ถ้าเราทำตรงข้ามเราก็จะกำไรจริงไหมครับ!” เพราะฉะนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาโอกาสนี้ผมขอสรุปให้ท่านนักลงทุนศึกษากันเป็นข้อๆ กันไปเลย

.

 

1.Over & Over Again

1.1 Over Trading…ในมิตินี้ผมขอหมายถึงการซื้อขายถี่ๆ หรือมีแนวคิดที่ว่าจะต้องมีสถานะเข้าออกในตลาดอยู่ทุกวันหรือทุกชั่วโมงทุกนาทีทั้งๆ ที่หลายครั้งตลาดไม่ได้วิ่งกว้างพอขนาดนั้น เรียกว่าเปิดรับ Risk Exposure เต็มๆ แต่ Upside Gain จำกัด(Downside Risk บานเลย!)

1.2 Over Analyzing…วิเคราะห์มากเกินไปยึดติดกับข้อมูลหรือความรู้มากเกินไปทั้งๆ ที่จริงแล้ว การลงทุนมีเพียงสามทางเลือกเท่านั้นคือ ซื้อ-ถือ-ขาย ไม่ว่าเราจะวิเคราะห์มากหรือน้อยเราวิเคราะห์เพื่อทำสามสิ่งนี้เท่านั้น เพราะฉะนั้นบางครั้งเราจะเห็นนักลงทุนบางท่านเป็นนักลงทุนที่เล่นสั้นในตลาดฟิวเจอร์สแต่วิเคราะห์เศรษฐกิจระดับมหภาคคาดการณ์ไปถึงปีหน้าทั้งๆ ที่ Trading Term จะเป็นการซื้อขายระหว่างวันหรืออย่างมากก็ระดับสัปดาห์เท่านั้น ไม่เว้นแม้แต่บางท่านที่เคยได้สนทนากันจะนำเอาเศรษฐมิติมาใช้ซึ่งอันที่จริงก็อาจจะทำได้แต่เมื่อพิจารณา Cost/Benefit แล้วคำถามคือมันคุ้มหรือไม่

1.3 Over Leverage…โดยเฉพาะในตลาดฟิวเจอร์สที่มีการวางหลักประกันการซื้อขายหรือที่เราเรียกว่าวางมาร์จิ้นมักจะพบปัญหานี้มากเพราะนักลงทุนเข้าใจว่าเงินหลักประกันคือเงินลงทุนเต็มมูลค่าทั้งที่จริงๆ แล้วเป็นเพียงการวางเงินหลักประกันเท่านั้น ตรงจุดนี้หลายคนไม่ทราบว่าการวางเงิน 5% ของมูลค่าสัญญาหมายถึงท่านมี Leverage Ratio ถึง 20X(เท่า) หรือพูดง่ายๆ คือสินทรัพย์อ้างอิงขาดทุน 1% สัญญาฟิวเจอร์สของท่านจะขาดทุน 20% ถือว่ามากอยู่พอตัว(เกินตัว) (หากอยากทราบรายละเอียดเรื่องการคืนทุนเมื่อขาดทุนให้ลองศึกษาเรื่อง Drawdown Recovery ดูนะครับสรุปง่ายๆ คือถ้าท่านปล่อยให้ตนเองขาดทุนถึง 50% ท่านต้องกำไร 100% จากฐานทุนเดิมจึงจะคืนทุน!)

2.Mr.”NO”

2.1 No Plan/No Strategy/No Trader Record … ไม่มีแผนการ ไม่มีกลยุทธ์และไม่จดบันทึกการลงทุน ถ้าท่านใดปฏิบัติครบสามข้อท่านจะตกไปอยู่ใน 80 คนที่ขาดทุนทันทีผมขอรับประกัน ปัญหานี้เรียกได้ว่าจะเป็นข้อแรกที่สำคัญที่สุดของผลกำไรขาดทุนเลยก็ว่าได้เพราะแผนการและกลยุทธ์คือการกำหนดทิศทางการลงทุนอย่างครอบคลุมซึ่งถ้าวางแผนให้ดีๆ ผมเชื่อว่าครอบคลุมปัญหาได้เกือบทุกข้อที่กล่าวในบทความนี้ แต่ทั้งนี้แผนการที่ดีก็ต้องมีการจดบันทึกด้วยนะครับเพราะเมื่อระยะเวลาผ่านไปท่านนักลงทุนจะได้สามารถตรวจสอบทวนกลับได้ว่าท่านลงทุนแล้วกำไรหรือขาดทุนเพราะสาเหตุใดคราวหน้าจะได้ไม่พลาดซ้ำสอง

2.2 No Risk Management …โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดฟิวเจอร์สที่มีอัตราทดจากการก่อหนี้อย่างที่กล่าวไปแต่ตอนต้นว่าถ้าสินทรัพย์อ้างอิงขาดทุน 1% สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของท่านจะขาดทุน 20% ในกรณีที่วางเงินประกัน 5% ดังนั้นถ้านักลงทุนไม่บริหารความเสี่ยงให้เหมาะสม รับประกันว่าไม่รอด คำถามคือเเล้วจะทำยังไง อันดับแรกเลยคือการบริหารความเสี่ยงด้วยการตัดขาดทุนหรือ Cut loss นั้นเอง เพราะน่าจะเป็นเรื่องที่ดูจะง่ายที่สุด แต่ทำยากเพราะมีประเด็นเรื่องวินัยการลงทุนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ต่อมาคือการบริหารความเสี่ยงด้วยกลยุทธ์การลงทุนซึ่งอาจมีความซับซ้อนขึ้นมาเช่นการเปิดสถานะในออปชั่นหรือสเปรดช่วยซึ่งในทางปฏิบัติต้องยอมรับว่ามีข้อจำกัดในการทำความเข้าใจได้ยากกว่าการ Cut loss (เห็นไหมครับว่า Cut loss ง่ายกว่าจริงๆ ทำๆ กันหน่อยนะครับ)

2.3 No Money Management …เมื่อพูดถึงฝั่งขาดทุนไปแล้วในหัวข้อ 2.1 คราวนี้ขอพูดถึงฝั่ง Return Enhancement บ้างนะครับโดยเฉพาะประเด็น Money Management ซึ่งหลายท่านคิดว่าเป็นเรื่องป้องกันการขาดทุนเท่านั้นแต่จริงๆ แล้ว Money Management ยังสามารถเป็นการเพิ่มผลกำไรในระยะยาวให้ท่านได้อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นการทำ Position Sizing, การกำหนดจุด Entry/Exit ซึ่งการทำ Money Management นี้เองจะเป็นการตอบคำถามการลงทุนของท่านที่ว่าจะลงทุนเท่าไหร่/เข้าออกในรูปแบบใดเวลาใด (หากสนใจศึกษาจริงจังประเด็นนี้จะเป็นเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญและต้องศึกษาอย่างลึกซึ้งมาก)

3.I Khow…NOTHING

3.1 ไม่เข้าใจผลิตภัณฑ์…ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดโดยเฉพาะในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ผมแนะนำให้ท่านนักลงทุนศึกษา Contract Specification โดยละเอียดไม่ใช่ว่าจะเข้าตลาดมาแทนเข้าบ่อนแทงสูงแทงต่ำ อย่างน้อยที่สุดถ้าจะแทงก็ต้องมีหลักการครับบตามสุภาษิตของนักพนันที่ว่า “the real gambler never gambling”
     

3.2 ไม่รู้จักตนเองไม่มีแนวทางที่ชัดเจน…เรื่องแรกคือการไม่รู้จักตนเอง หมายถึงนักลงทุนไม่ทราบถึงระดับการยอมรับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ตลอดจนไม่ตระหนักถึงรูปแบบกระแสเงินสดรับของตนเองเพื่อนำมาจัดรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น พนักงานบริษัทย่อมมีกระแสเงินสดรับรายเดือนต่างจาก นักลงทุนบางท่านที่ได้รับมรดกเป็นเงินก่อน เรื่องที่สองคือนักลงทุนไม่ทราบว่าตนเองเหมาะกับการลงทุนในรูปแบบใดไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้วยปัจจัยทางเทคนิคหรือการลงทุนด้วยปัจจัยพื้นฐานนอกจากนั้นยังอาจหมายรวมถึงการไม่เข้าใจหลักการที่แท้จริงของรูปแบบการลงทุนดังกล่าวด้วย เพราะฉะนั้นเลือกสักทางแล้วเอาดีให้สุดเพราะทุกแนวทางมีคนที่ประสบความสำเร็จเสมอ

3.3 ไม่มีครูดีหรือผู้แนะนำที่ดี…ต้องยอมรับว่าการมีผู้แนะนำที่ดีสามารถทำให้การลงทุนมีความปลอดภัยและมีกำไรที่ยั่งยืนได้ดังนั้นผมแนะนำว่าท่านนักลงทุนควรหาผู้แนะนำสักท่านหนึ่งที่จะสามารถแนะนำท่านเพื่อย่นระยะเวลาการเรียนรู้ ที่สำคัญการเรียนรู้จากความผิดพลาดของผู้อื่นทำให้ท่านช่วยประหยัดค่าเล่าเรียนในตลาดฟิวเจอร์สได้อีกมาก

4.I “Believe” i can fly … BUT it’s WRONG!

4.1 Holy Grail…เข้าใจว่ามีวิธีการที่สมบูรณ์แบบและได้กำไรเสมอซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะกลไกของตลาดเปลี่ยนเเปลงตลอดเมื่อระยะเวลาผ่านไป ดังนั้นการที่นักลงทุนทำการ Back Testing เพื่อหาระบบที่มี Winning Rate 100% ย่อมเป็นไปไม่ได้

4.2 ATM…ตลาดไม่ใช่ ATM ที่นักลงทุนจะเข้ามากดเล่นหรือได้เงินทุกวันเพราะอย่าลืมว่าในตลาดฟิวเจอร์สซึ่งเป็น Zero Sum Game เงินเราคือเงินเขา-เงินเขาคือเงินเราเพราะฉะนั้นมันไม่ง่ายที่จะได้เงินมา ต้องชิงไหวชิงพริบกันพอตัว

4.3 Quick Rich…เชื่อว่าการลงทุนคือหนทางแห่งความร่ำรวยเร็วซึ่งก็ไม่ผิดแต่ไม่ถูกต้องทั้งหมดเพราะต้องไม่ลืมว่ายิ่งกำไรมากความเสี่ยงยิ่งสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ดังนั้นตราสารอะไรที่ทำกำไรได้มากย่อมมีส่วนเปิดรับความเสี่ยงมากตามไปด้วยนอกจากนั้นการคาดหวังกำไรที่เกินจริงย่อมนำมาซึ่งวิธีการลงทุนที่ผิดพลาดเช่นคาดหวังว่าจะได้กำไร 50% ต่อปี อาจจะเป็นไปได้เเต่ต้องรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตามมาด้วยเพราะท่านทราบหรือไม่ว่าตลาดหุ้นทั้งตลาดให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 8-15% ในขณะที่ Hedge Fund ก็กำไรเพียง 20-30% เท่านั้นเอง

4.4 “การประสบความสำเร็จในสาขาวิชาชีพอื่นๆ ย่อมต้องสำเร็จในตลาดการลงทุน”…เป็นความคิดที่ผิดถนัดเพราะแต่ละสายอาชีพมีกุญแจแห่งความสำเร็จที่แตกต่างกันในรายละเอียด ดังนั้นเราจึงเห็นคนเก่งๆ ในหลายสาขาอาชีพเข้ามาขาดทุนในตลาดนี้

4.5 ซื้อต่ำ(ถูก)ที่สุดขายสูง(แพง)ที่สุด…ไม่มีทางเป็นไปได้และถ้าเป็นไปได้ก็ไม่สามารถเป็นไปได้ตลอดเพราะการซื้อถูกขายแพงคือการหยั่งรู้อนาคตการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นและเลิกคิดไปได้เลยว่าขายหมูซื้อควายหรือตกรถเพราะ…มันเป็นเรื่องปกติสุดๆ ครับ

4.6 ยิ่งซับซ้อนยิ่งดี/ข้อมูลเยอะยิ่งถูกต้อง/Indicator ยิ่งมากยิ่งแม่นยำ…ท่านนักลงทุนเชื่อหรือไม่ครับว่านักลงทุนทางเทคนิคที่ประสบความสำเร็จบางท่านใช้เครื่องมือทางเทคนิคแค่ชนิดเดียวหรือไม่ก็พิจารณากราฟเปล่าเท่านั้น และผมเชื่อเหลือเกินว่าความเรียบง่ายนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่า ท่านนักลงทุนลองคิดดูว่าถ้ามีเครื่องมือทางเทคนิคห้าชนิดกว่าท่านจะได้เข้าออกสถานะกว่าจะมี Position ท่านอาจจะโดน Margin Call ไปแล้ว

เปิดบัญชี TFEX
รับสิทธิพิเศษทันที !!
Array
(
)
		
Array
(
    [sesCAFXXSLAT] => 1732265251
    [CAFXSI18NX] => th
    [_csrf] => f4d13bacba8a78efa2820d746c3d774c
    [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/Why-investors-80-in-the-market-are.html
)
		
Array
(
    [content] => Why-investors-80-in-the-market-are
)
		
Array
(
)