เผยแพร่เมื่อ วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2562
หากคุณติดตามข่าวสารด้านการเงินอย่างใกล้ชิด เรามักจะพบเห็นหรือได้อ่านผ่านตา ในประเด็นที่หลายฝ่ายกำลังจับตา นั่นคือ “หนี้ครัวเรือน” สาเหตุหลักของปัญหาหนี้ครัวเรือนคืออะไร? โดยหนี้ครัวเรือนเกิดจากการขาดวินัยทางการเงิน ประกอบกับการเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้นผ่านช่องทางออนไลน์ หรือการออกโปรโมชั่นซื้อสินค้าผ่านบัตรเครดิตแบบผ่อนชำระ 0% ที่มีตั้งแต่ 3 เดือน จนถึง 36 เดือน และที่สำคัญ คือการตอบสนองต่อความต้องการเพื่อให้มีหน้าตาทางสังคมมากขึ้น
ด้วยการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย รถหรือบ้านที่มีราคาสูงเมื่อยังไม่พร้อม ทำให้คนไทยสร้างหนี้ครัวเรือนง่ายขึ้น นานขึ้น หรือกลายเป็นหนี้เสียในที่สุด กลุ่มประชากรที่ก่อหนี้ครัวเรือนมากเป็นอันดับหนึ่ง ได้แก่ กลุ่มคนที่มีอายุตั้งแต่ 25-35 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีจำนวนกว่า 20 ล้านคนหรือ 1 ใน 3 ของจำนวนประชากรในประเทศทั้งหมด ถือเป็นกำลังหลักในการบริโภคของประเทศ ซึ่งมีผลต่อรายได้และกำไรสุทธิของกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคภาคครัวเรือน
บทความของเราในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหาหนี้ครัวเรือน และสะท้อนไปยังธุรกิจที่อยู่ใน Single Stock Futures ที่อาจได้รับผลกระทบในอนาคต
ขอบคุณภาพจาก : amazingcouple
ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการอธิบายปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยไว้ในบทความ “หนี้ครัวเรือนไทย: ข้อเท็จจริงที่ได้จาก BOT-NIELSEN HOUSEHOLD FINANCIAL SURVEY” มีใจความว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เกิดขึ้นมีสาเหตุหลักมาจาก
– รายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย หรือความต้องการของตนเอง
– ขาดวินัยทางการเงิน และขาดความระมัดระวังในการใช้จ่าย
– ขาดการออมอย่างสม่ำเสมอ
หรือแปลความหมายได้อีกทางหนึ่งว่า หนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น เกิดจากพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างไม่มีวินัยนั่นเอง ประเด็นของพฤติกรรมการใช้จ่ายนั้น ได้มีการขยายความต่อไปอีกว่า
ซึ่งปัญหาหนี้จะยังคงดำเนินต่อไป หากครัวเรือนมีพฤติกรรมการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย และการไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการออมเงิน อาจส่งผลกระทบต่อบางธุรกิจที่มีรายได้มาจากการอุปโภคบริโภคของครัวเรือนในอนาคต จึงเกิดคำถามที่สำคัญว่า…..
Single Stock หมวดธุรกิจใด ที่มีโอกาสได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้ครัวเรือน?
หมวดธุรกิจที่มีโอกาสรับผลกระทบจากปัญหานี้ครัวเรือน คือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน หมายถึง หมวดธุรกิจที่มีรายได้จากการซื้อสินค้าและบริการของภาคครัวเรือนเป็นหลัก วันนี้จะขอยกตัวอย่าง หมวดธุรกิจพาณิชย์ เนื่องจากการที่ภาคครัวเรือนมีหนี้สูงขึ้น อาจส่งผลให้เกิดการระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อรายได้และกำไรสุทธิของบริษัทในหมวดธุรกิจพาณิชย์ในอนาคต
Single Stock Futures หมวดธุรกิจพาณิชย์ (COMM) ได้แก่ BEAUTY (บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้), BJC (บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์), COM7 (บมจ.คอมเซเว่น), CPALL (บมจ.ซีพี ออลล์), GLOBAL (บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์), HMPRO (บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์), MEGA (บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์), ROBINS (บมจ.โรบินสัน) และ RS (บมจ.อาร์เอส) แบ่งตามลักษณะการประกอบธุรกิจ ได้ดังนี้
ประเภทธุรกิจห้างสรรพสินค้า ได้แก่ BJC ROBINS
ประเภทร้านสะดวกซื้อได้แก่ CPALL
ประเภทจำหน่ายสินค้าเฉพาะเจาะจง แบ่งออกเป็น
– จำหน่ายสินค้าและบริการโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ IT ได้แก่ COM7
– จำหน่ายเครื่องสำอาง ได้แก่ BEAUTY RS (สำหรับ RS ยังมีธุรกิจอื่นๆ เช่น สื่อทีวีดิจิตอล และวิทยุ)
– จำหน่ายสินค้าและบริการเกี่ยวกับบ้าน ได้แก่ GLOBAL HMPRO
– จำหน่ายสินค้าประเภทยาและการบำรุงสุขภาพ ได้แก่ MEGA
เมื่อแบ่งประเภทธุรกิจแล้ว จะเห็นว่ามีธุรกิจที่มีการจำหน่ายสินค้าประเภทที่อาจจะไม่จำเป็นต่อผู้บริโภคบางกลุ่ม เนื่องจากเป็นสินค้าเฉพาะเจาะจงและเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย หากครัวเรือนสามารถลดรายจ่ายสินค้าประเภทดังกล่าวได้ จะทำให้ครัวเรือนมีค่าใช้จ่ายลดลง และมีเงินเก็บออมเพิ่มขึ้น ในทางกลับกันการลดรายจ่ายการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย มีผลต่อรายได้และกำไรสุทธิของบริษัทดังกล่าว ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น COM7 ประกอบธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ถ้าปกติครัวเรือนมีการซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่ทุก 1 ปี และการซื้อในแต่ละครั้งเป็นแบบผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิต เท่ากับว่าทุก 1 ปี จะมีรายจ่ายค่าซื้อโทรศัพท์มือถือและมีการสร้างหนี้ให้กับครัวเรือนเสมอ แต่ถ้าครัวเรือนคำนึงถึงอายุการใช้งานของโทรศัพท์มือถือ ซึ่งสั้นที่สุดอยู่ที่ 2 ปี ครัวเรือนจะลดรายจ่ายลงได้ แต่ในทางกลับกันรายได้ของ COM7 ก็จะหายไปในปีที่ครัวเรือนไม่มีการซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่เช่นกัน
ขอบคุณภาพจาก : freepik
การลงทุนใน Single Stock Futures ในธุรกิจที่มีโอกาสได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือน
สำหรับท่านที่สนใจลงทุนใน Single Stock Futures ที่อาจมีปัญหาหนี้ครัวเรือนเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ต้องมองให้ออกว่าสินค้าหรือบริการชนิดนั้นมีความจำเป็นต่อคนส่วนมากหรือไม่ หากมีความจำเป็นต่อคนส่วนมาก บริษัทนั้นจะมีความสามารถในการทำกำไรสูงกว่า ในช่วงก่อนประกาศผลประกอบการให้ใช้วิธีการเข้า Long เพื่อเก็งกำไรผลประกอบการ หรือเข้าซื้อหุ้นและถือระยะยาวเป็นทางเลือกในการรับ Passive Income
แต่ถ้าบริษัททำธุรกิจที่สินค้าและบริการไม่ได้มีความจำเป็นต่อคนส่วนมาก รายได้ขึ้นอยู่กับผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มที่มีความสนใจและความนิยม ต้องระวังอย่างมาก เพราะเมื่อใดก็ตามที่ความนิยมหมดลง หรือคนส่วนมากมีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น รายได้และกำไรของบริษัทก็มีโอกาสที่จะลดลงไปด้วย หากท่านมีการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวและกังวลว่าหุ้นที่ท่านถือจะลง สามารถใช้วิธีการ Short เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) การลดลงของราคาหุ้นของท่านได้
ปัญหาหนี้ครัวเรือน เป็นประเด็นสำคัญที่หลายฝ่ายต่างให้ความสนใจกันมากขึ้นและเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทางธนาคารแห่งประเทศไทยจึงมีนโยบายและมาตรการต่างๆ เช่น การให้ความรู้ทางการเงิน โครงการคลินิกแก้หนี้ เป็นต้น แต่ที่สำคัญที่สุด คือ ครัวเรือนต้องมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาหนี้ ด้วยการสร้างรายได้ให้ตนเองมากขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย การวางแผนการใช้จ่ายอย่างมีวินัย มีการออมเงินอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดความมั่งคั่งกับตัวท่านเอง และเพื่อให้หนี้ครัวเรือนที่กำลังเป็นปัญหาสำคัญในขณะนี้ลดลง
Array ( )
Array ( [sesCAFXXSLAT] => 1732364995 [CAFXSI18NX] => th [_csrf] => 92b7260bda5f054dc785d53ee8097f6c [CAFXSFEREF] => https://www.caf.co.th/article/A-lot-of-debt-affect-single-stock-future-like.html )
Array ( [content] => A-lot-of-debt-affect-single-stock-future-like )
Array ( )